วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ขั้นของจิตที่เข้าสู่ความว่าง

เทศน์อบรมคณะผ้าป่าท่านพระอาจารย์แบน วัดดอยธรรมเจดีย์

ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒

เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น.

===ขั้นของจิตที่เข้าสู่ความว่าง===

หลวงตา : มีอะไรท่านแบนจะพูดอะไรก็พูดไปได้เลย มีธุระอะไรมา

ท่านอ.แบน : กระผมกับหมู่คณะ และศรัทธาญาติโยม ต้องการมาฟังพ่อแม่ครูบาอาจารย์พูดครับผม

หลวงตา : บ่ายโมงพอดี มาด้วยความมุ่งหมายอะไรๆก็ว่ามา

ท่านอ.แบน : ความมุ่งหมายมีความประสงค์จะมากราบคารวะพ่อแม่ มีความประสงค์เพียงเท่านี้ครับผม

หลวงตา : เดี๋ยว นี้หูหนวกเข้าไปเรื่อยนะ พูดหูหนวกเข้าไปเรื่อย ตาก็ลึกเข้าไป ฝ้าฟาง มองอะไรก็ไม่ค่อยเห็นแล้วเดี๋ยวนี้ คือมันลึกเข้าไปทุกอย่าง ตาก็ฝ้าฟางลงไป ไม่แจ่มแจ้งเหมือนแต่ก่อน หูก็ลึกเข้าไป หูไม่ดีเหมือนแต่ก่อน ตาหูจมูกลดลง ลิ้นกายลดลงทุกอย่าง สำหรับเป็นการใช้ในอวัยวะ มีจิตเป็นประธาน ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือ บริษัทบริวารใช้ แล้วเครื่องมือเหล่านี้ก็ลดลงทุกวัน แต่จิตพูดตามความสัตย์ความจริงที่มีอยู่กับเจ้าของ จิตนี้ไม่ลด บอกตรงๆ เลย เพราะจิตไม่มีวัย ไม่ลด อบรมให้ดี ขัดถูให้ดีด้วยความพากเพียร มีสติเป็นสำคัญ จิตนี้จะผ่องใสเรื่อยๆๆๆ ผ่องใสจนสง่างาม จนอัศจรรย์ในตัวเอง อัศจรรย์ใจตัวเองมี นี้เคยเป็นมาแล้วนะ

อยู่วัดดอยธรรมเจดีย์เดินจงกรมอยู่ตอนเช้า ตี ๔ เดินจงกรมไปทางอะไรทิศเหนือทิศใต้ อยู่ หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ มันอยู่ทางใต้ๆ เดินได้ยาวละ เดิน นั่นละไปอัศจรรย์ใจตัวเองตรงนั้น มันถึงขั้นของมันขั้นมันว่าง คือจิตนี้เมื่อยังเกาะอยู่ในร่างกาย ร่างกายยังไม่หมดสภาพกับจิตใจที่จะรักจะชังกันมันก็พัวพันกันอยู่ตลอด ต้องได้ใช้สุภะ-อสุภะอะไรตามแต่จะใช้ ที่มันเป็นของคู่เคียงกัน เวลาพิจารณาไปๆ ร่างกายนี้หมดสภาพนะ นี่ละนักภาวนาจะรู้ได้เห็นได้ทุกอย่าง ไม่ต้องถามใคร มันจะเป็นขึ้นจากความรู้ที่เราพิจารณาตามธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอนไว้

พอ พิจารณาไปๆ ร่างกายนี้ที่มันหยาบนี้มันก็ควรแก่สุภะ-อสุภะ เช่นให้ไปเยี่ยมป่าช้าป่าอะไรเหล่านี้ มันคู่ควรกันกับร่างกายอยู่ในสภาพนี้กับรูป ทีนี้เวลาละเอียดเข้าไป พิจารณาละเอียดเข้าไปสภาพของร่างกายนี้หมดความหมาย ป่าช้าก็หมดความหมาย จิตว่างไปหมด แล้วไปเยี่ยมป่าช้าที่ไหน มันไม่มี มันก็หมดปัญหาในการเยี่ยมป่าช้า มันเป็นขั้นเป็นตอน จากนั้นจิตก็ว่างไปละทีนี้ มองดูอะไรแพล็บว่างหมดเลย มันเป็นธรรมชาติของจิต ขั้นของจิตที่เข้าสู่ความว่าง ไม่มีคำว่าอสุภะอสุภัง มีแต่อะไรเกิดดับๆ ก็มีทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา ไปอย่างนั้น

เรื่องพิจารณาอสุภะไม่อสุภะเช่นไปเยี่ยมป่าช้ามันอยู่ขั้นนี้ จิตมีรักสวยรักงาม ขี้ริ้วขี้เหร่ สวยงาม จิตอยู่ในขั้นนี้ต้องไปเยี่ยมป่าช้า ตายเก่าตายใหม่ท่านสอนไว้หมดนะ คือสมัยก่อนนั้นคงจะไม่เผาไม่ฝังกัน คงจะทิ้งเกลื่อนป่าช้า คนตายเก่าตายใหม่ ท่านให้ไปเยี่ยมป่าช้า จิตอยู่ในขั้นนี้ก็ต้องไปเยี่ยม พอได้ป่าช้าอันนั้นเข้ามาสู่จิตปั๊บป่าช้าอยู่กับเรา ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา อะไร อยู่กับเรามันก็ปล่อยป่าช้าข้างนอกเข้ามาพิจารณาป่าช้าข้างใน จิตหมดสภาพนี้แล้วมันก็ว่าง นั่นละการภาวนา เมื่อมันอยู่ในรูปในนามนี้ก็มีคำว่าสวยงาม ขี้ริ้วขี้เหร่ พิจารณาอสุภะอสุภัง ไปเยี่ยมป่าช้าเป็นต้น

เวลา มันผ่านไปแล้วมันไม่เอานะ พิจารณานี้มันรู้หมดแล้วมันปล่อยๆ ไม่เอาๆ อะไรที่ควรแก่จิตในขั้นนั้นมันก็ก้าวไปตามขั้นนั้น เช่นเกิดดับ ทีนี้พิจารณาว่าอันนั้นสุภะ-อสุภะ อสุภะอสุภังไม่ได้ ไม่ทัน พอเกิดปั๊บดับพร้อมๆ จิตมีแต่ว่างไปหมด นั่นละจิตพิจารณาตามขั้นภาวนาเป็นตอนๆ ทีแรกมันอยู่ในร่างกายเป็นส่วนหยาบ จึงต้องสอนให้พิจารณาเกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ พิจารณาเข้าข้างนอกข้างใน เทียบข้างนอกข้างใน พออันนี้มันผ่านไปมันหมดปัญหาแล้วมันไม่เอานะ หมด

เหล่า นี้มันก็เข้าเรื่องจิตที่ว่าง อะไรเกิดปั๊บดับพร้อมๆ จิตมันก็ว่างไปหมด ที่มันไม่ว่างก็คือจิต กิเลสยังอยู่นั้นมันยังไม่ว่าง พิจารณาเข้ามาจิตว่างๆ อะไรว่างๆ ตัวจิตยังไม่ว่าง ย้อนเข้ามาพิจารณาตัวจิตจนจิตว่างเหมือนกันหมด วางเหมือนกันหมด ปล่อยหมดเลย นั่น ท่านว่าสิ้นสุดแล้วในการพิจารณาภาวนา นักภาวนาพิจารณาอย่างนี้แหละ คือไม่ถามกัน พอพูดไปปั๊บมันยอมรับๆ เพราะมันไปด้วยกัน เห็นด้วยกัน รู้อย่างเดียวกัน ไม่สงสัยกัน มันก็รู้ไปเลย ใครรู้ที่ไหนไม่ต้องไปถามใคร แม้พระพุทธเจ้าประทับอยู่ข้างหน้าก็ไม่ทูลถาม เพราะธรรมอันเดียวกัน ท่านสอนอย่างเดียวกัน ให้รู้อย่างเดียวกัน เมื่อมันรู้อย่างเดียวกันแล้วหายสงสัยซึ่งกันและกัน หมดทั้งท่านทั้งเรา พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ไม่สงสัย มันเหมือนกันหมด มีอันเดียว

นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย ไม่ มีคำว่ายิ่งว่าหย่อนกว่ากัน จิตที่บริสุทธิ์เต็มที่แล้วเป็นเหมือนกันหมด ท่านบอกอย่างนั้น ท่านสอนไว้หมดแล้ว แต่เวลาจิตพิจารณามันยังไม่ถึงมันก็งมเงาเกาหมัดไป พอไปถึงแล้วจับปั๊บๆ ทีนี้มันก็ออกเป็นอันเดียวกัน สว่างจ้าไปเลย นั่นอย่างนั้นละนักภาวนา เมื่อมันถึงขั้นสิ้นสุดแล้วทุกอย่างก็ปล่อยหมด ว่าภาวนาหาอะไร แน่ะ จิตนั่นเองเป็นตัวหิวโหย เมื่อจิตรู้จิตเห็นจิตเข้าใจทุกอย่างพอตัวแล้วจิตก็ไม่พิจารณา อยู่ตามสภาพของธรรม กลายเป็นเรื่องธรรมธาตุไปหมด จิตเวลารู้เต็มที่แล้วเป็นธรรมธาตุนะ ไม่ได้มีอะไรเป็นอะไรที่จะมาพิจารณาเพื่อแก้ไขตัวเอง ไม่มี หมด อันนี้ก็ธรรมธาตุไปหมดเลย

นั่น ละการภาวนา ท่านภาวนาอยู่ในป่าในเขาเป็นอย่างนั้น ไม่มีใครรู้ มีแต่พระพุทธเจ้ารู้สอนไว้ สอนเป็นแนวทางไว้เราก็เดินไปตาม แต่ส่วนมากมันแหวกแนวๆ มันไม่ไปตรงตามแนวทางที่พระองค์สอนไว้ว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว การพิจารณามันไม่ชอบ มันหลีกนู้นหลีกนี้ มันถึงไม่เจอธรรมของจริง ถ้ามันตรงไปตามพระพุทธเจ้าที่ว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้ว นี้ก็รู้ชอบแล้วเข้ากันได้เลย นี่ละการพิจารณาภาวนา

เมื่อ มันถึงนั้นแล้วพระพุทธเจ้าเป็นปัจจุบันหมด ไม่ว่ากี่พระองค์เหมือนกันหมดเลย ไม่ทูลถาม พระพุทธเจ้าพระองค์นี้เป็นอย่างไร องค์นั้นเป็นอย่างไร ธรรมชาติอันนี้มันเหมือนกันหมด เป็นอันเดียวกัน นั่นละทีนี้ไม่ถามใคร พระพุทธเจ้า-สาวกบรรดาท่านผู้บริสุทธิ์แล้วแบบเดียวกันหมดเลย ไม่ต้องถามกัน ให้ท่านทั้งหลายเข้าใจกันเสีย

การ ภาวนามีจุดหมายปลายทาง มีข้อเปรียบเทียบเข้าใจกันแล้วก็ปล่อยๆ อย่างนั้นเรียกว่าภาวนา เมื่อมันหมดสภาพทุกอย่างแล้วจิตนี้ก็กลายเป็นธรรมธาตุไปเลย ไม่มีว่าภาวนาหาอะไรๆ จิตตัวภาวนานี้ตัวมันหิวโหยมันยังไม่พอ พอตัวนี้พอแล้วก็ปล่อยไปหมดเลย ไม่มีอะไรที่จะติดข้างภายในใจ เรียกว่าจิตเป็นธรรมธาตุ ในธาตุในขันธ์ขันธ์ห้านี่แหละ แต่จิตเป็นธรรมธาตุอยู่ในนั้นบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว พอหมดสภาพแล้วสลัดปั๊วะไปเลย เป็นธรรมธาตุไปเลยทีเดียว นั่นการภาวนามีความมุ่งหมายอย่างนั้น

ที่ พูดเหล่านี้พยามยามเดินไต่เต้าตามพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนไว้นะ เข้าป่าเข้าเขาฝึกหัดภาวนาอยู่ในถ้ำในเหวที่ไหนก็ไปละ เพื่อฝึกหัดจิตนี้ให้มันฉลาดในตัวเอง จิตนี้รู้ในทั้งหลายรู้แต่มาโง่ในตัวเอง นี่สำคัญตรงนี้ เพราะอย่างนั้นจิตจึงต้องฝึกสอนเพื่อให้ตัวเองฉลาดกับสิ่งทั้งหลายที่มา เกี่ยวข้อง เขาอยู่อย่างนั้นตามเรื่องของเขา ตัวหากดื้อหากด้านหาญคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้เอาฟืนเอาไฟมาเผาตัวเอง ทีนี้เมื่อรู้ทุกสิ่งทุกอย่างตามสภาพที่ทรงสั่งสอนไว้แล้วมันก็ปล่อยๆ ปล่อยก็ต่างอันต่างจริงไปหมด สบาย นั่นละภาวนา

เมื่อ ถึงขั้นสุดยอดของการภาวนาแล้วหมด ภาวนาหาอะไร เท่านั้นพอ นี่ละนักภาวนา ถึงที่สุดของจิต จิตเป็นวิมุตติหลุดพ้นแล้วผ่านหมดเลย ขั้นสมมุติไม่มีเหลือ เป็นวิมุตติจิตไปหมด วิมุตติธรรมภายในจิตใจ นิพพานเที่ยง ดูเอา อันเดียวกัน วิมุตติธรรม-วิมุตติจิต-นิพพานเที่ยงอยู่อันเดียวกัน เป็นไวพจน์ของกัน ใช้แทนกันได้ทั้งนั้น นั่นละจิตไปถึงจุดนั้นแล้วหายสงสัย ตายแล้วจะไปเกิดที่ไหนจะไปอย่างไร ก้าวหน้าก็ไม่ก้าว ถอยหลังก็ไม่ถอย อยู่ปัจจุบันในความพอแล้ว เรียกว่าจิตเป็นธรรมธาตุแล้ว นั่นละตรงนั้นละตรงที่จิตอยู่ หรือเป็นธรรมธาตุอยู่ นิพพานอยู่ตรงนั้นละ จะไปคาดนิพพานอยู่ตรงไหนๆไม่ได้ ดูดวงจิตอันนี้แล้วมันเข้ากันได้หมดเลย

จตุปัจจัย ที่บรรดาพี่น้องทั้งหลายบริจาคนี้เป็นประโยชน์แก่โลกล้วนๆนะ ไม่มีที่จะเข้าในวัดนี้ไม่มี ออกหมดเลย ส่วนไหนจำเป็นอย่างไรๆๆออกไปตาม ความจำเป็น ช่วยเหลือกันไปหมดนะ เวลานี้ก็กำลังตึกโรงพยาบาลอุดรนั้นเท่าไรก็มาอยู่ในหัวอกเรานี้ละ พอตึกเสร็จไปเรียบร้อยแล้วเขาว่าประมาณ ๒๐๐ ล้าน แล้วเครื่องมือแพทย์เวชภัณฑ์จะเข้ามากกว่านี้นะ จึงกะไว้ว่าต้อง ๕๐๐ ล้านจะพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ตอนที่เวชภัณฑ์เข้ามามีแต่ราคาแพงๆ

ตึก นี้เกิดขึ้นจากอิฐปูนหินทรายเหล็กหลาไปเป็นตึกอยู่เท่านั้น ราคาเท่านั้นเท่าที่เขากำหนดไว้ แต่เครื่องเวชภัณฑ์นี้มีแต่ของดีๆ พวกหยูกพวกยาเครื่องเวชภัณฑ์ที่จะมารักษาเข้าในนี้ราคาแพงๆ อันนี้จะแพงมาก เพราะอย่างนั้นเราจึงกำหนดไว้ว่า ๒๐๐ ล้านนี้ไม่พอ ถ้าว่าเป็น ๕๐๐ ล้านจะพอฟัดพอเหวี่ยงกัน เราว่าไม่ผิดเป็นตามนั้นละ อันนี้อยู่ในหัวอกของเรา อะไรบกพร่องๆที่จะเข้าในตึกหลังนี้นะเป็นพวกเวชภัณฑ์เราจะสั่งให้หามา หรือเขาเสนอมาว่าอะไรขัดข้อง ยังบกพร่องอะไร ยังขาดอะไร เราก็จะพิจารณาแล้วจะสั่งตามนั้นๆ

ช่วย โลกช่วยอย่างนั้นละ สำหรับช่วยเราก็ช่วยมาเต็มกำลังความสามารถแล้ว ช่วยตั้งแต่วัดบวชมา วันบวชมาการศึกษาเล่าเรียนก็ธรรมดาท่านๆ เราๆนะ แต่เวลาออกปฏิบัติเพื่อจะกำจัดกิเลสให้สิ้นซากภายในหัวใจนี้เอาจริงมาก เอาให้ขาดสะบั้นไปเลย กิเลสไม่ขาดเราขาด กิเลสไม่ตายเราตาย ซัดกันตรงนี้หนักมากนะ พอปัญหาอันนี้ขาดไปแล้วก็โล่งว่างหมดเลย ฟังซิน่ะ นี่ขาดแล้วนี่ หมดแล้ว ว่างหมด ไม่มีอะไรสงสัยในโลก หายสงสัยแล้ว โลกนี้จะมาเกิดอีกหรือไม่ จะเกิดอีกกี่ภพกี่ชาติรู้หมดอยู่ในใจนี้ เท่านั้นละไม่พูดมาก ให้พากันเข้าใจเอานะ

คณะ อาจารย์แบน วัดดอยธรรมเจดีย์ รวมทางนั้นทางนี้บ้างเข้ากัน ได้สมบัติอันมีค่ามาก เป็นหัวใจแห่งชาติไทยเราคือได้ทองคำ ๗ บาท ๙๗ สตางค์ เงินได้ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท เอาสาธุ นี่ละที่จะเข้าสู่คลังหลวงของเรา ทองคำ ๗ บาท ๙๗ สตางค์ เข้าคลังหลวงหมดเลย ส่วนเงินบาทนี้จะแยกไปช่วยในบ้านเมืองของเรานั่นแหละ เข้าคลังหลวงก็มี จะแยกออกไปช่วยอื่นๆก็มี ให้พากันเข้าใจตามนี้นะ หมดปัญหาอันนี้หมดแล้ว ทองคำ ๗ บาท ๙๗ สตางค์นะวันนี้ คณะอาจารย์แบนมาทอดผ้าป่าถวาย รวมลงที่วัดป่าบ้านตาด ทองคำ ๗ บาท ๙๗ สตางค์ เงินสด ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท เท่านั้นละ

เราเป็นศูนย์กลางรับสมบัติเหล่านี้ไว้เพื่อกระจายไปสู่ส่วนรวมในการทำประโยชน์ ไม่ให้อยู่นี้ ไม่อยู่ ออกหมดเลย



รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz

พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คลิปวีดีโอ หลวงตาและหลวงปู่เพียร

หัวข้อย่อย 17 การจำพรรษา การสัตตาหะในระหว่างพรรษา

หัวข้อย่อย 17 การจำพรรษา การสัตตาหะในระหว่างพรรษา

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250717 วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
การจำพรรษา ถ้าหากว่าไม่ใช่ฤดูพรรษา จะไปไหนมาไหนค้างคืนค้างแรมที่ไหนได้ แต่ในพรรษาสามเดือนนี้ ให้มีการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดที่หนึ่ง สถานที่จำพรรษานั้นให้มีหลังคากันแดดกันฝน ให้มีฝากั้น ให้มีประตูปิดเปิดได้ ในสถานที่นี้ในลักษณะนี้เป็นสถานที่ทรงอนุญาตให้อยู่จำพรรษา การจำพรรษามีการอธิษฐานกัน อธิฐานก็คือตั้งใจไว้ มีความแน่วแน่ ฤดูพรรษาสามเดือนนี้ จะจำพรรษาจะอยู่ในอาวาสที่นี่ตลอดไตรมาสสามเดือนไม่ขาด แล้วก็รักษาความสัตย์ที่ได้ตั้งไว้นี้ คือไม่มีการไปไหนมาไหน ถือว่าจะมีการไปด้วยกิจก็ไม่ไปค้างแรมที่อื่น ไม่ไปค้างคืนที่อื่น ถือว่าจะมีธุระมีความจำเป็นจะต้องไปกลับจนกระทั่งค่ำคืนก็ช่าง แต่ถือว่าจะดึกดื่นก็ช่าง ไม่ให้ถึงวัดหลังอรุณขึ้น แสงอรุณออกให้เข้ามาก่อน เข้ามาถึงวัดก่อนอรุณหรือแสง ลักษณะแสงสว่างปรากฏขึ้นมา ถ้าหากว่าเข้ามาหลังแสงอรุณสีขาวออกแล้ว เรียกว่าการจำพรรษาของเราขาด

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250717 วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
ท่านให้ตกลงขอบเขต เขตของการจำพรรษากัน วัดเราก็เป็นอันว่าตกลงกันอยู่แล้ว มีเครื่องหมายคือกำแพงล้อมอยู่ภายในกำแพงนี้ นอกกำแพงก็ถือว่านอกเขตอาวาส เราจะมีการออกไปด้วยกิจธุระอันใดก็ช่างให้กลับมาเสีย อย่าให้ถึงกับว่าล่วงราตรี ถ้าหากว่าเวลากลางวันเวลากลางคืนไม่ใช่เวลาใกล้อรุณที่จะออกมา จะไปที่ไหนอยู่ที่ไหน พักที่ไหน เล่นป่าเล่นดง เที่ยวป่าเที่ยวดงดูร่มไม้ภูเขาได้ทั้งนั้น ไปได้ตามสะดวกตามอัธยาศัย เรื่องการกำหนดเขตแล้วก็ให้มีการตั้งความสัตย์กัน


(จบแล้วครับ หมดแล้วครับ ข้อวัตรปฏิบัติ ที่ผมได้บันทึกเก็บไว้ ส่วนข้อวัตรจริง ๆ นั้น ยังมีอีกมากมายนักที่ไม่ได้จดไว้ครับ)

หัวข้อย่อย 16 การเป็นผู้ไม่สะสมของใช้บริขาร เงินทอง การพอใจในบริขารที่มีอยู่

หัวข้อย่อย 16 การเป็นผู้ไม่สะสมของใช้บริขาร เงินทอง การพอใจในบริขารที่มีอยู่


ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 999/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 281211 วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2528
แม้แต่ยินดีที่ผู้อื่นเก็บไว้เพื่อเจ้าของ อันนั้นก็ยังเป็นโทษ ท่านจึงทำแม้แต่เขาถวายท่าน ๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นของท่าน ให้เป็นของส่วนรวมไว้แล้ว ก็ต้องการให้เป็นอย่างนี้ต่อไป เพราะเห็นว่าการทำอย่างนี้เป็นธรรมเป็นวินัยที่สุด เป็นธรรมเป็นวินัย ในเมื่อเรามาคิดบางแห่งบางสถานที่ พระเณรมีแต่กังวลเรื่องเงินเรื่องทอง กังวลว่าคนนั้นเก็บ กังวลอยู่กับคนเก็บ บางทีพระเณรกับคนเก็บก็ขัดกันทะเลาะกันผิดกันก็มี เนื่องจากว่าพระก็คิดว่า สมมติว่ามีเงินอยู่สักร้อยบาทแต่โยมผู้เก็บว่าไม่ถึง อันนี้ที่พูดนี่ มันได้เห็นกับตาได้ยินกับหูนะ เพราะเรื่องเหล่านี้ก็เรียกว่าเราก็เกิดมานานพอสมควร มันเรื่องของกิเลสทั้งนั้น ก็ในเมื่อเราปฏิบัติเพื่อที่จะฆ่ามันแล้ว เราจะไปหวงมันไว้ทำไม

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 999/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 281211 วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2528
จึงว่าอยากให้พากันรักษาไว้ให้ดี ที่ครูบาอาจารย์ท่านวางเอาไว้ ที่ได้ทำกันมาแต่ก่อน ๆ นี่รู้สึกว่าเรียบร้อยดี ถ้าหากว่าจะเทียบกับบางแห่ง พูดก็จะเป็นการตำหนิ เก็บไว้กุฏิใครกุฏิมันก็มี ยัดไว้ตรงนั้นยัดไว้ตรงนี้ ก็ให้คนถือเคร่งอยู่ดอก ถือเคร่งไม่จับ ให้คนนั้นมาไว้ให้คนนี้มาไว้ เวลาจะเอาก็ให้คนนั้นมาเอาให้คนนี้มาเอา กลายเป็นยุ่งแต่เรื่องเงิน ถ้าหากว่ามีมากซักหน่อยแต่ละองค์ ๆ มีบัญชีฝากในธนาคารกัน ซึ่งไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น มันไม่ใช่หน้าที่ของผู้ที่จะทำลายกิเลส มันส่งเสริมพอใจในการที่จะให้กิเลสมันฟู มันจะพอเป็นเมื่อไรมันจะอิ่มเป็นเมื่อไหร่ไอ้คำว่ากิเลส กิเลสของพระกับกิเลสของชาวบ้านมันก็กิเลสอันเดียวกันนั้นหละ มีสิบมีร้อย มีร้อยทีนี้หละก็ต้องการให้มันถึงพัน มีพันแล้วทีนี้มันก็ต้องการให้อะไรต่ออะไรเพิ่มขึ้น ซึ่งความจำเป็นไม่เห็นจะจำเป็นอะไรที่จะต้องไปสะสม

หัวข้อย่อย 15 การขอนิสัย การกราบการไหว้ การแสดงความเคารพตามพรรษา

หัวข้อย่อย 15 การขอนิสัย การกราบการไหว้ การแสดงความเคารพตามพรรษา

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
การให้นิสัย การขอนิสัย นิสัยแปลว่าที่พึ่งพิง มันเป็นธรรมดา เป็นไงที่จะต้องพึ่งพาอาศัยกัน การขอนิสัยก็คือขอความพึ่งพิงขอพึ่งพาอาศัยกัน จะบุคคลใดหรือว่าสังวาสใด ๆ มีการขอนิสัย ไม่ผิด ถ้าหากว่าไม่ขอผิดไหมนี่ อันนี้ก็คิดเอาเอง อันนี้บรรดาเรา ๆ ก็เหมือนกันทั่วไปนี้ ที่เรียกกันว่าสามมติกันว่าพระคณะธรรมยุต จะไปอยู่ในสำนักครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความเป็นธรรมเป็นวินัย แต่สมมติเรียกกันว่าเป็นคณะมหานิกายจะไปขอนิสัยก็ไม่ผิด ทำไมจะไม่ผิด ก็เพราะขอพึ่งพาท่านนี้นิสัยแปลว่าพึ่งพิง พึ่งพาอาศัยกัน ในเมื่อเราไปอยู่กับท่าน ก็พึ่งพาอาศัยท่านอยู่แล้ว แต่ทำเพื่อให้มีความแสดงว่า เจ้าของมีความอ่อนน้อม มีความอ่อนน้อม ความอ่อนน้อมนี้เป็นธรรมเป็นวินัย

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 118/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2529
การไปมาหาสู่นี้ต้องรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ต้องรู้จักผู้น้อย เราเป็นผู้น้อยไปหาผู้ใหญ่ ต้องแสดงความอ่อนน้อม มีความเคารพ มีการกราบการไหว้ อย่าถือว่าเป็นอันเดียวกันนี้ ให้มีความอ่อนน้อม ไม่มีความเคารพความคารวะซึ่งกันและกัน ไม่มีแล้จะเอาอะไรเป็นข้อปฏิบัตินี่ แล้วจะเอาอะไรเป็นข้อปฏิบัติที่แก้ไขความแข็งกระด้างของเรา การกราบการไหว้การแสดงความอ่อนน้อมซึ่งกันและกัน ก็เป็นการแก้ความแข็งกระด้าง เป็นการแก้ทิฐิมานะของเรา ซึ่งมันฝังลึกอยู่ในจิตในใจ ต้องแก้ด้วยข้อปฏิบัติ ต้องแก้ด้วยการทำความอ่อนน้อม

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 011/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 261220 วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2529
ให้มีความเคารพในธรรมในวินัย ให้มีความเคารพซึ่งกันและกัน อย่าเอาแต่ทิฐิมานะ หลักพระวินัยท่านกล่าวเอาไว้ พระผู้มีพรรษายิ่งหย่อนกว่ากันสามพรรษา ให้มีความเคารพกัน พูดถึงกันว่าการใส่รองเท้านี่ต้องให้มีความคารวะความอ่อนน้อม มีการกราบการไหว้ แม้แต่พรรษาเดียวกันก็ชั่งเรื่องเหล่านี้เป็นของสำคัญ ให้มีความนอบน้อมให้มีความเคารพในสภาพความเป็นผู้น้อย คำว่านอบน้อมคำว่าอ่อนน้อมเป็นธรรมเป็นเครื่องประดับผู้ปฏิบัติธรรมให้มีความงดงาม ผู้ใหญ่ก็ให้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ใหญ่ที่มีความเป็นธรรมเป็นวินัย มีความเคารถในความเป็นผู้ใหญ่ ผู้น้อยก็ให้มีความเคารพในความเป็นผู้น้อยนี้ก็เป็นความเจริญของพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่ามีแต่ความแข็งกระด้างมีแต่ทิฐิมานะ ความเจริญของพระศาสนานี่มองไม่เห็นแต่ทิฐิมานะมีแต่ฟืนแต่ไฟ ร้อนรนอยู่ในจิตในใจเท่านั้น ถ้าหากว่าไม่มีความเป็นธรรมเป็นวินัยในใจของเรา
ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 036/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 281014 วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2528
ส่วนมากการกราบการไหว้ไม่ค่อยจะมีสติสตังกัน จะมีจิตมีใจในการนึกนอบน้อมในจิตในใจ บางทีมันมองไม่เห็น แล้วจะเอาอะไรเป็นเครื่องกราบไหว้แล้วจะเอาอะไรเป็นเครื่องกราบพระ ถ้าหากว่าไม่มีจิตมีใจทำความนอบน้อมด้วยการกราบไหว้ ด้วยความนอบน้อมในจิตในใจจริง ๆ เรื่องการกราบการไหว้นี่มันเป็นการเปิดเผย เรื่องของแต่ละคน ๆ ๆ นี่ออกมาอย่างชัดที่สุด เรื่องการกราบการไหว้นี่เป็นเครื่องวัดออกมาอย่างชัดภายในจิตใจ การกราบก็กราบเป็นประเพณี ย๊อก ๆ แล้ว อะไร ๆ มันก็เป็นประเพณี ๆ ไปหมด หนักเข้ามันก็แล้วไป ๆ ๆ นี่พระสาสนาเป็นเพียงแต่แค่นี้

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 099/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290711 วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
เณรเถรให้มีความเคารพนอบน้อมกับพระ อย่าแข็งกระด้างอย่าตีเสมอ อันนี้ให้เข้าใจความแข็งกระด้างความตีเสมอกับพระกับเจ้า อันนี้เป็นการกระทำเพื่อทำลายเจ้าของเอง ไม่มีทางที่จะไปได้ ไม่มีทางที่จะตลอดรอดฝั่ง หลังให้อ่อน พอก้มให้ก้ม พอกราบพอคลานให้คลาน มือให้อ่อนพอยกให้ยก พอไหว้ให้ไหว้ ทำมือให้เบาอย่าทำมือให้หนักเหมือนกับโลกทั้งโลกมันถ่วงเอาไว้นี่ พระก็เหมือนกัน ถึงว่าจะพรรษาเดียวกัน ก็ให้มีความเคารพกันตามก่อนตามหลัง พรรษายิ่งหย่อนกว่ากันแม้แต่หนึ่งสอง ก็ให้มีความเคารพกัน ไม่เสียหายตรงไหนเลย นี่แม้แต่พรรษาเดียวกันแต่บวชก่อนบวชวันเดียวกัน บวชวันเดียวกันมีอาวุโส เรียกว่า นาคซ้ายนาคขวา รึว่าอาวุโสกว่ากันชั่วขณะไม่กี่นาที ก็ให้เคารพกัน คำว่าตีเสมออย่าให้มี ผมเห็นท่านเจ้าคุณอาจารย์ลีกับท่านอาจารย์กงมานี่ ท่านเคารพมาก อย่างมีการไปประชุมอย่างนี้ที่ไหนอย่างนี้ เขาจะปูอาสนะนี่ อาสนะอาจารย์อยู่ในระดับเขาจะต้องปู แต่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ลีไม่ยอมนั่ง อันนี้เป็นมรรยาทที่ประเสริฐสุดท่านมีความเคารพมีความอ่อนน้อม ความเคารพความนอบน้อมมันผู้มีธรรมแสดงออกมา ความแข็งกระด้างมันก็เรื่องของคนที่ไม่มีธรรม ของคนที่มีกิเลสแสดงออกมา

หัวข้อย่อย 14 การใช้ห้องน้ำ

หัวข้อย่อย 14 การใช้ห้องน้ำ

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 133/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290916 วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2529
เรื่องในการปฏิบัติเวจกุฎีในเรื่องส้วมห้องน้ำห้องส้วมนี้ ท่านสอนให้รักษาความสะอาดนี้ ภิกษุผู้ที่จะเข้าไปใช้ห้องน้ำ ห้องส้วม ให้ทำความสะอาดทุกครั้งที่จะเข้าไปใช้ ให้มีการปัดตาดข้างในทุกครั้งที่เข้าไปใช้นี้เดี๋ยวนี้ล้าสมัยเมื่อไหร่ บริเวณรอบนอกอย่างนี้ คล้ายกับให้ปัดตาดเสมอนี้ไม่ให้รกรุงรัง แล้วน้ำท่าให้มีประจำ น้ำท่าในห้องน้ำห้องส้วมให้มีประจำ ถ้าหากว่าพระองค์ใดองค์หนึ่งเห็นน้ำ เข้าไปในห้องน้ำห้องส้วมเห็นน้ำไม่มี ถ้าหากว่าสามารถที่จะไปตักเอามาได้ผู้เดียวก็ตักมาใส่ไว้ ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะไปตักขนมาผู้เดียวก็ให้ ๆ บอกหมู่ การบอกหมู่นั้นไม่ใช่จะไปตะโกนเรียกเอา ถ้าหากเห็นใครคล้าย ๆ กับว่า พอที่จะกวักมือได้ก็ให้กวัก ถ้าหากว่ากวักมือไม่ได้ก็หมายความว่าให้เดินไปใกล้ ๆ แล้วก็บอกให้เข้าใจนี้ ท่านให้รักษาความสงบกันจริง ๆ แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องน้ำห้องส้วมนี้ ใครเข้าไปทำความสะอาดเจอใครเข้าไปทำความไม่สะอาดสกปรกไว้ด้วยประการใด ๆ ก็ช่าง ถ้าหากว่าใครเข้าไป พระภิกษุเข้าไปทีหลัง ถ้าหากว่าเห็นมันสกปรกแล้วถือว่าเจ้าของไม่ได้ทำสกปรกนี้ก็ละเลยเสีย พระพุทธเจ้าท่านก็ปรับอาบัติเป็นทุกกฎนี้ เรียกว่าปรับโทษนี้ ใครก็ช่าง ในเมื่อไปทำความไม่สะอาดนี้ ใครไปเห็นผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ทำความสะอาดเสีย

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250711 วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
การปฏิบัติในส้วมในที่ถ่าย เรียกว่า เวจกุฏีวัตร การปฏิบัติในห้องน้ำห้องส้วมก็เป็นวัตร ให้พากันมีข้อปฏิบัติในเจกุฏี เป็นวัตรอย่างหนึ่ง เป็นวัตรข้อหนึ่ง หรือเรียกว่าเป็นการสร้างวัตรอย่างหนึ่งก็ได้ ทุกครั้งที่เข้าไป ท่านบอกให้มีการปัดการกวาด หลังจากเสร็จกิจให้มีการปัดการกวาด ให้มีการเช็ดการถู เหลียวดูให้ทั่วถึง ตรวจดูความเรียบร้อย มีความสะอาดสะอ้านดีแล้วหรือยัง ถ้าหากว่าสามารถที่จะทำคนเดียวได้ก็ทำคนเดียว ถ้าหากว่าไม่สามารถก็เรียกว่า หาหมู่หาเพื่อนมาช่วยทำ เช่นมีการตักน้ำหรือว่ามีการยกอะไร ที่คนเดียวทำไม่ไหว แม้แต่การบอกกันหาหมู่หาเพื่อน ท่านก็ไม่ให้ใช้เสียงดังให้พูดกันค่อย ๆ เพียงแต่ว่าให้ได้ยินกัน ถ้าหากว่าไกลไม่สามารถที่จะใช้เสียง ก็ให้ใช้มือกวักเหล่านี้ พระพุทธเจ้าท่านทรงเทศนาสอนไว้ทั้งนั้น

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250711 วันที่ 11 กนกฎาคม พ.ศ. 2525
ห้องน้ำห้องส้วมใช้ให้รักษาความสะอาดกันทุกครั้ง ไม่ใช่ลักษณะแล่นเข้าไป แล้วกิจแล้วก็แล่นออก ทำความสะอาด สะอาดดีหรือไม่ ไม่สนใจ น้ำมีหรือไม่ไม่สนใจ บางทีน้ำมันขาดบ้าง บางทีน้ำมันไม่มี เพราะมันไหลน้อย หรือบางทีน้ำมันไม่ไหล ก็ต้องสนใจอย่าให้มันขาด นี่หละข้อวัตร นี่หละศาสนาอยู่ตรงนี้ ปฏิบัติที่ขี้เยี่ยวก็ยังไม่ได้ แล้วจะไปปฏิบัติพระศาสนาได้อย่างไร

ข้อวัตรปฏิบัติ 13 ข้อวัตรส่วนตัวที่กุฏิ กวาดถูกุฏิ เอาเสื่อหมอนตากแดด ฯลฯ

หัวข้อย่อย 13 ข้อวัตรส่วนตัวที่กุฏิ กวาดถูกุฏิ เอาเสื่อหมอนตากแดด ฯลฯ

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 091/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290714 วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
ผ้าอาบน้ำ ถ้าหากว่าจะตากแดดก็ตากพอสมควร อย่าตากจนกระทั่งถึงว่าตอนเย็นจะอาบน้ำจึงไปเอามาใช้ อย่าเป็นอย่างนั้น ตากพอสมควร ตากผึ่งให้มันมีความอบอุ่นนิดหน่อยแล้วก็เก็บให้เรียบร้อย จีวรก็เหมือนกัน ผึ่งนิดนิดเดียวถ้ามีแดด แล้วก็เก็บให้เรียบร้อยเป็นที่เป็นทาง จีวรก็หมายถึงเครื่องนุ่งเครื่องห่มนั้น ๆ เรียกว่าจีวรทั้งนั้น เสื่อสาดนี้ถ้าหากว่ามันหลายวันมีแดด แล้วเอาไปตากเสียบ้าง หมอนก็เหมือนกัน เอาไปตากแดดเสียบ้าง เราต้องเป็นผู้ที่ละเอียดเป็นผู้ที่รักษาสุขภาพ เป็นผุ้ที่รักษาอนามัย เป็นผู้ที่รักษาความสะอาดให้มาก

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 091/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290714 วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
กระโถนภายในกุฏิ อย่างน้อยต้องล้างวันละครั้ง อย่างน้อยต้องเทวันละครั้ง ถึงว่าจะไม่มีอะไร มีแต่น้ำลายของเรา บ้วนไปครั้งสองครั้ง ก็ควรที่จะไปล้างให้สะอาดอยู่ในกุฏิ อยู่บนกุฏิ ไม่ควรที่จะบ้วนน้ำลายลงข้างล่าง การที่จะบ้วนน้ำลายลงข้างล่างต้องดู จะไปบ้วนใส่หิน บ้วนใส่ในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร อย่าง ๆ เป็นอย่างนั้น ถึงว่าจะอยู่ตามพื้นก็เหมือนกันที่มันเป็นพลาญหิน เป็นหินหรือเป็นสถานที่ไปหาบ้วนน้ำลายทิ้งอันนั้นอันนี้ใช้ไม่ได้

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

12 การพักผ่อนหลับนอน

12 การพักผ่อนหลับนอน
ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
การพักผ่อนหลับนอน ก็ให้ตั้งใจเอาไว้ รู้สึกเมื่อไรจะลุกทันที ให้ตั้งใจเอาไว้ และในเมื่อรู้สึกลุกทันที ถ้าไม่ตั้งใจแล้วหากมันนอนต่อไม่ได้ เรื่องได้แต่นอน ต่อไปนี้อากาศมันแห้ง ฝนมันแล้งแล้ว เดินจงกรมแล้ว นั่งตามร่มไม้หรือเอาเสื่อเอาสาดไปนอนตามร่มไม้ก็ได้ มันไม่ชื้นไม่สบาย ถ้าหากยุงหรือริ้นมันมาก เอากลดไปกางตรงโน้น ตรงนี้ก็ได้เข้าก็เก็บ ชอบทำอย่างนั้นแต่ก่อน เอากลดไปกางตรงนั้นบ้าง ตรงนั้นบ้างเวลายุงมันชุม เดินจงกรมแล้วก็นั่งสมาธิ ในกลด นอน บางทีเก็บบางทีก็ไม่เก็บ ถ้าหากที่มิดชิดบัง ๆ เสียหน่อย ก็ไม่ต้องเก็บ มันเปิดเผยต้องเก็บ

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240904 วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2524
อิริยาบถนอนหลังจากที่เรานั่งเป็นที่พอใจของเรา รับผลเป็นที่พอใจของเรา พักผ่อน ระหว่างพักผ่อนนั้นก็ไม่ใช่เลิกการภาวนา คำว่าพักผ่อนไม่ใช่เลิกการภาวนา ภายในจิตใจในใจนั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังใสอยู่ ยังสงบอยู่ ยังชัดอยู่ นี่ คำว่าใส คำว่าสงบนี่ก็หมายถึงว่าใจของเรายังมีสติ ยังมีสติไม่มีการเคลื่อน ไม่ขาดวรรคขาดตอน ยังมีความรู้ มีความเห็นอยู่ในความสงบ ยังมีความรู้ มีความเห็น ยังมีสติอยู่ในจิตในใจของเราอยู่ นี่ เราเอนตัวลงนอนก็ให้มีสติ ไม่ให้ขาดวรรคขาดตอน นอนก็ให้มีสติในการนอน ตั้งใจเอาไว้แล้วนี่ มีสติรู้สึกขึ้นมาเมื่อไหร่เราก็จะบุกขึ้นมานั่งสมาธิต่อเมื่อนั้น แล้วก็นอนให้หลับไปเลย หลับอยู่อย่างมีสติ เวลารู้สึกขึ้นมา ลุกขึ้นมานั่งสมาธิทันที ไม่ยอมพลิกอิริยาบท ไม่ยอมพลิก ไม่ยอมขยับ ถ้าหากรู้สึกขึ้นมาแล้วพลิกซ้ายพลิกขวา บิดนั่นบิดนี่ ชอบหลับต่อ ถ้าหากรู้สึกขึ้นมาแล้วลุกขึ้นเลยนี่

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 057/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290511 วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2529
พักผ่อนพอสมควรกลางค่ำกลางคืนมา พักผ่อนพอสมควร ก่อนที่จะนอนพักผ่อน ก็ต้องตั้งใจเอาไว้ รู้สึกตัวเมื่อไรเราจะลุกขึ้นเมื่อนั้น แล้วก็ลุกขึ้นจริง ๆ ชำระความง่วงเหงาหาวนอน ด้วยการเดินจงกรม กลางค่ำกลางคืนมา ตีสองตีสามให้เห็นแสงฟืนแสงไฟ เดินจงกรมตรงนั้นเดินจงกรมตรงนี้ เป็นการเตือนซึ่งกันและกัน ถ้าหากว่าฝนไม่ตกไม่รินนี้ กลางค่ำกลางคืนนี้อย่าพากันหมกมุ่นอยู่ในที่นอนมากนัก ทางเดินจงกรมมีให้อยู่กับทางเดินจงกรมให้มาก ชาคิยานุโยค เป็นผู้ที่ตื่นอยู่ในการประกอบความพากความเพียรหลังจากเดินจงกรมแล้ว นั่งภาวนาก็นั่งตามก้อนหิน นั่งตามดานหินเรียบ ๆ เอาเสื่อไปปูเสื่อก็พับครึ่งเสียเนื้อเก่า ๆ พับเสื่อเก่า ๆ อันนี้ดีที่สุด ถ้าหากว่ายุง ๆ ริ้นไม่ชุมมาก เราจะนอนตามก้อนหินก็ได้ หมอนไม่ต้องไปสนใจมัน มันแต่นั่งมันก็ยังหลับ ถ้าหากว่าที่นอนที่นอนดีนอนหมอนมันดี บางทีมันตื่นแล้วมันก็ยิ่งอยากจะต่ออีก นอนไม่มีหมอนเอาหินทำหมอนอย่างนั่นนะ มันนอนนานมันเจ็บหัวมันก็ดี

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 999/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290808 วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2529
นอนก็ตั้งใจ นอนตะแคงข้างขวาอยู่กับอารมณ์ของธรรมคือความสงบ นอนก็นอนปฏิบัติให้หลับไปด้วยการปฏิบัติ นอนหลับไปตื่นขึ้นตั้งใจจะลุกทันที หนึ่ง สอง สาม ลุกนับซะก่อนตั้งใจนับไม่ให้มันเกินสามจะลุก บางทีมันยังโอ๊ย นับช้า ๆ สักหน่อยเถอะ ขนาดบีบบังคับว่า นับหนึ่ง สอง สาม ลุก บางทีมันนับช้า ๆ แหนะ มันขนาดนั้นหนะ น้อยมันก็ยังเอาจนได้นั่นหละ ถ้าหากว่ามันบอกให้นับช้า ๆ เรายิ่งนับเร็วขึ้นนี้ การชนะกิเลสมันชนะอย่างนี้ รู้สึกมาหนึ่ง สอง สาม บางทีมันบอกนับช้า ๆ สักหน่อย ยิ่งนับเร็วเป็นการบังคับเรา เพราะเราได้ตั้งใจไว้แล้วรู้สึกมาจะลุกนั่งภาวนาต่อไป ถ้าหากว่ามันมืดมนอนธการ ง่วงเหงาหาวนอนงัวเงียลุกไปดูเดือนดูดาว ลุกไปข้างนอกเดินไปรอบวัดรอบวา หายหมด ความง่วงเหงาหาวนอนไม่มีหรอก

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250711 วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
การพักผ่อนหลับนอน กลางวันนี่ไม่พักผ่อนหลับนอนก็ดี ถึงว่าจะมีการพักผ่อนหลับนอน ก็อย่าให้มากมายนัก ชั่วประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นพอ เว้นไว้แต่ร่างกายเกิดป่วยเกิดไข้ ถ้าหากว่าเป็นปรกติแข็งแรง ไม่มีโรคภัยอะไร กลางวันนี่ไม่จำเป็นที่จะต้องพักผ่อนหลับนอนอะไร ฉันจังหันแล้วก็เดินจงกรมจนกระทั่งเที่ยง

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 099/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290721 วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
ถึงว่าจะนอนตามร่มไม้นอนตามลานหินก็นอนได้ อย่างนั้นดี นอนประเดี๋ยวประด๋าว บางทีนอนยังไม่ทันหลับมันก็ลุก นี่ให้อยู่อย่างนั้น เป็นการที่หาทางที่จะให้เจ้าของตื่นให้มาก เข้าไปในที่นอนเข้าไปในกุฏิแล้ว นี่มันเห็นแล้วมันอดที่จะอยากนอนไม่ได้ พยายามห่าง ๆ พยายามหลีก ๆ ไว้หละดี เวลานอนก็ให้ตั้งใจไว้ รู้สึกเมื่อไรจะลุกทันที จะลุกไปเดินจงกรม ตั้งใจไว้รู้สึกขึ้นมา จะลุกไปเดินจงกรมถ้าฝนไม่ตก มันง่วงเหงาหาวนอน ล้างหน้าล้างตาเสียก่อน เดินจงกรมเหลียวดูฟ้าเหลียวดูดาวดูเมฆ เหลียวดูไปยังงั้นหละ เหลียวดูต้นไม้ถึงกลางคืน มันมืดเราก็เห็น ตาเหลียวดูอะไรใจของเราก็รับรู้ว่าอันนั้นเป็นอันนั้น สิ่งที่เรารับรู้ว่าอันนั้นเป็นอันนั้นนั่นหละ มันจึงจะเป็นอุบายให้เราคิดเราอ่าน ทำให้เราเกิดความรื่นเริง หายจากความง่วงเหงาหาวนอนได้ นี่ก็เป็นการแก้ความง่วงเหงาหาวนอนได้อย่างหนึ่ง อย่าไปรีบทำใจให้สงบ ไม่อยากดูอะไรให้กว้างขวางออกไป มีแต่จะทำใจให้สงบ มีแต่จะบังคับใจให้สงบ นี่ เวลามันสงบจริงหละ มันก็กลายเป็นหลับไปเสีย เนื่องจากการชำระด้วยอุบายยังไม่พอ ถ้าหากว่ามีการชำระด้วยอุบายด้วยคิดพิจารณาพอแล้ว ใจสงบลงไปแล้ว นี่นั่งอยู่หมด คืนก็ไม่ง่วง อย่าว่าอยู่สองชั่วโมง สามชั่วโมงนั่งหมดคืนก็ไม่ง่วง

ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 099/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290721 วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
จึงว่าการชำระสะสางความง่วงเหงาหาวนอนนี่เป็นประโยชน์ ให้พอใจในการชำระสะสางให้มาก อย่า
ไปพอใจในการที่จะไปบังคับใจให้สงบ ถ้าให้สงบลงไปโดยไม่มีการชำรำสะสางนี่ สงบลงไปมันก็มืด สงบลงไปมันก็มีแต่อยากหลับ เวลารู้สึกตัวขึ้นมา มันก็เหมือนกับคนนอนหลับ ตื่นแต่ก็เบิกบาน แต่ก็มีปิติอยู่สบายอยู่ สงบแล้วหลับรู้สึกตัวมาก็สบายอยู่เบาเนื้อเบาตัวสบาย ผิดกับหลับปรกติอยู่ เวลาภาวนาเวลาจิตมันสงบมันหลับไปเลย รึว่าขาดสติ เวลามีการรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างนี้ จะมีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เบิกบานผิดกับที่เราหลับธรรมดาอยู่ ผิดกับที่เราธรรมดาหลับจริง ๆ แต่ไม่ควรที่จะให้เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้นบ่อยหละมันติด การที่จะแก้จิตแก้ใจต้องแก้ด้วยอุบาย แก้จิตแก้ใจต้องแก้ด้วยอุบาย การค้นคิดพิจารณา

11 ธุดงค์ข้อวัตร 13 ข้อ

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240731 วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2524

การถืออิริยาบถเว้นจากการนอน เป็นการกลั้นจิตกลั้นใจให้เข้มแข็ง ในเมื่อมีความเข้มแข็ง ทำอะไรจะแจ้งไปหมด กิเลสตัณหามันจะปรากฏขึ้น ในเมื่อใจของเรามีความเข้มแข็งแข็งแกร่งอยู่แล้ว มันจะอยู่เหนือจิตเหนือใจของเราไม่ได้ ท่านจึงสอนกันให้พอใจในการถือธุดงควัตร เรื่องอดหลับอดนอนเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเมื่อเราถือเนสัชชักแล้ว เรื่องนั้นเป็นเรื่องเล็ก ถือเรื่องนั่งตลอดคืน ยิ่งได้กำลังมาก ได้มีโอกาสต่อสู้กับทุกขเวทนาที่สุด ทุกขเวทนาอันเกิดจากกการนั่งตลอดคืน สุดยิ่งกว่านั้นไม่มีแล้ว เรามีโอกาสได้ต่อสู้อย่างที่สุดแล้ว

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240731 วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2524
ผ้านุ่งห่มสามผืน ถือผ้านุ่งห่มบังสุกุลเป็นเครื่องตัดกิเลสทั้งนั้น ตัดความโลภ ความโลภของใจที่เคยเห็นทั้งนั้น เห็นอันนั้นก็อยากได้ เห็นอันนี้ก็อยากได้ อยากได้มาก ๆ เอาความตั้งใจจริงตัดเสีย เรียกว่าตัดด้วยความสัตย์เอาความสัตย์ที่ตั้งไว้ นั่นหละมาตัดกิเลสของเราที่มีอยู่ในจิตในใจไม่ให้มันแสดงออก ถึงมันจะแสดงออก มันก็ต้องถูกระงับไว้ด้วยความสัตย์ความจิรง ด้วยการถือธุดงควัตรของเรา จึงถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียว ในเมื่อเราถือแล้วมันก็ทำให้เราเป็นผู้ที่มีความกังวลน้อย นุ่งผ้าห่มสามผืน ใช้ผ้าบังสุกุล ความสวยงามหรูหราก็ไม่มี นุ่งห่มเพราะประดับประดาก็เบาบางลงไป นุ่งห่มเพื่อความสวยงามอันนี้ก็ไม่ปรากฏ เพราะผ้าบังสุกุลมันเป็นไม่สวย นุ่งเพื่อปกปิดร่างกาย นุ่งเพื่อความเป็นลักษณะโลกเท่านั้น

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240731 วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2524
การบิณฑบาตมาฉัน อย่างนี้มันก็เป็นการตัดเครื่องกังวล บิณฑบาตมาได้น้อยก็ฉันน้อย บิณฑบาต มามากฉันพอดี มันไม่มีเครื่องกังวลใด ๆ เพิ่มเติมแล้ว ทีนี้ ในเมื่อเราฉันพอดีพองาม อิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง มันทำให้ธาตุในตัวเราเบา อาหารไม่มากมันก็ทำให้ไม่หนัก จะทำให้ความง่วงเหงา ความมึนเมาอันเกิดจากอาหารไม่มี โภชะเนนะมันยุตา พระพุทธเจ้าท่านสอนการบริโภคอาหาร ให้รู้จักความพอดี อย่าให้มากจนกระทั่งเกิดความมึนเมา ถ้าหากว่าโภชนียะมันยุตา มันจะพอดีไปหมด ไม่มืดไม่มัวไม่หนัก ไม่หน่วงไม่เหนื่อยไม่เพลีย ไม่เหนื่อยเพราะความพอดี ธุดงควัตรเป็นเครื่องขัดเกลาเป็นธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส



ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 016/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290122 วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2529
พระพุทธเจ้าท่านยกย่องสรรเสริญมากมาย พระผู้ถือธุดงค์เป็นการบั่นทอนกิเลส พระพุทธเจ้าท่านยกย่องถือการฉันครั้งเดียว พระพุทธเจ้าท่านก็ยกย่องเป็นการละกิเลสความมักมากนี้ ให้น้อยลงไป เบาบางลงไป การฉันเฉพาะในบาตร ก็เป็นการละกิเลสคือการที่มุ่งรสมุ่งลาภมุ่งเอร็ดอร่อยอะไรเหล่านี้ ตัดตรงนั้นละตรงนั้น ให้มันหมดมันสิ้นไปนี้ แล้วก็ฉันเฉพาะที่บิณฑบาตมาได้ พระพุทธเจ้าท่านก็ยกย่องขึ้นอีก เป็นการถือธุดงค์อุกฤษ์ขึ้น เป็นการทำลายกิเลสยิ่งขึ้น ท่านยกย่องผู้ที่ถือผ้าสามผืน มีแต่ผ้าสบง มีแต่ผ้าจีวร มีแต่ผ้าสังฆาฏิ สามผืนเท่านี้ ถ้าหากว่าใครสามารถอันนี้เป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนา หรือว่าถ้าหากว่าไม่สามารถอย่างอุกฤกษ์อย่างนี้ ก็เพียงแต่ว่าให้มันน้อย ๆ ลงไป การใช้บริขารส่วนใด ๆ ก็ให้ตามมีตามเกิด อย่าให้มันเกิดขึ้นมีขึ้นด้วยความขวนขวาย หรือด้วยความอยากของเจ้าของ ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นมีขึ้นด้วยความขวนขวาย ด้วยอำนาจของความอยาก อันนั้นเป็นการได้มาด้วยความมักมากของเจ้าของ

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 013/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290117 วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2529
แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ยกย่องสรรเสริญ การเข้าเยี่ยมป่าช้า ส่งเสริมสรรเสริญผู้ที่ถือการเข้าเยี่ยมป่าช้าเป็นวัตร เป็นธุดงค์วัตร เป็นสถานเป็นมงคล เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ปฏิบัติธรรม เข้าเยี่ยมป่าช้าเป็นวัตร ประโยชน์ของการเยี่ยมป่าช้าได้ประโยชน์มาก เข้าไปถึงเห็นแต่คนที่ตาย แล้วเอาไปฝัง คนที่ตายแล้วเอาไปฝัง หรือเอาไปเผานั้น ไม่มีอะไรทำให้เกิดความยินดีและยินร้าย ไม่มีอะไรที่จะทำให้จิตใจเกิดความกำเริบขึ้น เป็นสถานที่มงคล ทำจิตใจให้เข้าถึงความสงบระงับ มีความเป็นธรรม เป็นวินัยได้

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 010/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260226 วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526
พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เสวงหาอยู่ตามถ้ำตามเรือนร้างว่างเปล่า อยู่ตามป่าช้า อยู่ในล้อมฟาง อยู่รุกขมูลต้นไม้ อยู่ในที่แจ้ง รู้สึกว่าไม่ได้บอกำสอนนอนในกุฏิ เรือนร้างว่างเปล่าก็คือเรือนเขาทิ้งแล้ว อาจจะเป็นเรือนลักษณะแตกบ้านแตกช่อง หนีบ้านหนีช่อง ให้ไปแสวงหาสถานที่อย่างนั้น แสวงหาอยู่ในรุกขมูลต้นไม้ อยู่รุกขมูลต้นไม้นี้มันสดชื่นแจ่มใสจริง ๆ นอนก็นอนน้อยตื่นมาก อานิสงส์ของการอยู่รุกขมูลต้นไม้ อยู่ในที่แจ้ง อยู่ในป่าช้าก็มีอานิสงส์มาก มีความระแวดระวังมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จึงว่าพระพุทธเจ้านี้ท่านฉลาด ทางไปทางไหนที่จะไม่นิ่งนอนใจ ไม่ประมาทให้ท่านไปทางนั้น สอนให้รีบเร่ง สอนให้กินน้อยนอนน้อย มันก็คือ แสวงหาอยู่ที่ไกลที่ทุรกันดาร ป่าช้า ตามถ้ำ ตามเหว นอนในที่ดีมันมีความอบอุ่น ความระมัดระวังหน้าระวังหลัง ไม่มีผิดกันมาก อืดอาดความคล่องตัวเบาเนื้อเบาตัวไม่มี

ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250721 วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแต่ก่อน ผมชอบมากเรื่องการถือเนสัชชิกะ ถือเรื่องการไม่นอนนี้ ตั้งแต่แรกตั้งแต่พรรษาหนึ่งทีเดียวผมไม่ขาด ไม่ใช่เฉพาะวันพระเท่านั้น ไม่ใช่วันพระก็มีความอุสาหะ มีความพยายามเอาคนเดียว ขโมยทำนะไม่ให้คนอื่นรู้ ขโมยทำเอา เดินจงกรม นั่งภาวนา เดินจงกรมนั่งภาวนาถึงว่าหลับใหลไปบ้าง แต่ว่าไม่ยอมเอนตัวลงกับพื้นกระดาน ต่อสู้ แต่ถ้าหากว่าวันพระวันเจ้าอย่างนั่นจะเรียกว่า ไม่เคยทีเดียวโน่นหละ

ลำดับที่ 008 เลขที่เทป 099/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290721 วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
เรื่องการถือธุดงค์ให้พากันมีจิตมีใจ ธุดงค์เป็นธรรมเป็นธรรมเครื่องประหารกิเลส เป็นธรรมเครื่องบั่นทอนกิเลส ธุดงค์แต่ละข้อ ๆ เป็นธรรมเครื่องบั่นทอนกิเลสทั้งนั้น ให้พากันสนใจ ให้พากันใคร่ในการที่จะปฏิบัติธุงควัตรนั้น ๆ ธุดงควัตรเป็นธรรมที่จะประหัตประหารกิเลสทุกข้อ อย่าเห็นสิ่งอื่นมีค่ากว่าธรรมคือธุดงควัตร บิณฑบาตเป็นวัตรเป็นธุดงค์ข้อหนึ่ง ฉันในบาตรเป็นวัตรเป็นธุดงค์ข้อหนึ่ง ฉันอาสนะเดียวเป็นวัตรเป็นธุดงค์ข้อหนึ่ง เวลาบิณฑบาตจะฉันเฉพาะที่บิณฑบาตมาได้เท่านั้น จะไม่รับภัตรที่ตามมาทีหลัง อันนี้ก็เป็นธุดงค์ข้อหนึ่ง ธุดงค์แต่ละข้อ ๆ เป็นธรรมเครื่องทำลายกิเลสทั้งนั้น เป็นการตัดเครื่องกังวลใจ อันนี้ให้พิจารณาเจ้าของเองสามารถแค่ไหนเพียงไรให้อยู่กับความสมัครใจ เพราะคำว่าธุดงค์เป็นเรื่องของความสมัครใจ พระพุทธเจ้าไม่ได้บีบบังคับให้พากันถือ ไม่เหมือนกับพระวินัย แต่ผู้ที่มุ่งทำลายบั่นทอนกิเลสจริง ๆ ต้องอาศัยธุดงค์นี่เป็นส่วนประกอบอย่างมากมาย

ลำดับที่ 009 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250717 วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
การเว้นอิริยาบถนอนเป็นธุดงค์ข้อหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านพรรณนาเรื่องการถือธุดงค์ไว้มากทีเดียว เป็นธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส จึงว่าให้พากันอุตสาหพยายามถึงว่า จะเหน็ดเหนื่อยต้องต่อสู้มากกับความง่วงเหงาหาวนอน ก็ให้ถือเอาการต่อสู้นั้นหละเป็นอานิสงส์ เรามีจิตมีใจที่จะต่อสู้ดีกว่าไม่มีจิตมีใจที่จะต่อสู้เสียเลย คนไม่มีจิตมีใจที่จะต่อสู้นั่นแสดงถึงความอ่อนแอไม่มีความเข้มแข็งในใจ ในเมื่อไม่มีความเข้มแข็งในใจ เราก็ควรที่จะสร้างความเข้มแข็งให้มีขึ้น เกิดขึ้นภายในใจของเรา ถ้าหากว่าเราไม่สร้าง มีแต่ที่จะอ่อนแอไปหน้าไม่อยู่ตัวไม่คงที่ อ่อนแอ เดี๋ยวนี้ขนาดนี้มันก็การปฏิบัติมันก็ยังถอยหลังถอยหลัง การที่เรียกว่าจะไปข้างหน้า บางทีมันน้อยกว่าถอยหลังเสียอีก ในเมื่อไปข้างหน้าน้อยกว่าถอยหลัง ก็เรียกว่าความอ่อนแอของเรานี้มากไปหน้า ถ้าหากว่าเราไม่มีความพยายามที่จะต่อสู้ไม่มีความอดความทน ความเข้มแข็งไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้เลย

ข้อปฏิบัติ 10 การฉันน้ำร้อน น้ำชา เภสัช หมากพลู บุหรี่

ข้อปฏิบัติ 10 การฉันน้ำร้อน น้ำชา เภสัช หมากพลู บุหรี่

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
ใช้เวลาฉันต้องการให้น้อยลงไป ต้องการให้ใช้เวลาฉันน้ำร้อนน้ำอุ่นให้น้อยให้สั้น ถ้าหากว่ามีอะไรต่อมิอะไรมันยาว มันยังมีอะไรต่ออะไรอีก ในระหว่างที่ฉันน้ำร้อนน้ำอุ่น ถ้าหากว่ามันอยู่ในสถานที่นั้นมันระยะมันยาว จึงว่ากิเลสมันไม่เต็มเป็นมันไม่ยุติมัน ๆ ก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา และมันก้าวทุก ๆ สถานที่ด้วย หลังจากเรียบร้อยแล้ว สถานที่ควรปัดก็ควรปัด ควรเช็ดก็ควรเช็ด ควรถูก็ควรถู เก็บให้เรียบร้อย ใช้เวลาให้สั้นที่สุด เพราะเราบวชคล้าย ๆ กับว่ามุ่งเพื่อประพฤติปฏิบัติ ประกอบความพากความเพียรเดินจงกรม นั่งสมาธิกัน ไม่ใช่จะใช้เวลามารวมกันโดยวิธี โดยลักษณะที่เรียกว่าเอามารวมกัน เรื่องการอยู่การกินกันมากเกินไป ในเมื่อมาถึงแล้วต่างองค์ ต่างองค์ก็ต่างนั่งฉัน ต่างองค์ก็ในเมื่อรับประทานแล้วก็ฉันตามอัธยาศัย จากนั้นถ้าหากว่าไม่เป็นการลำบาก ก็เอาแก้วของเจ้าของไปล้างแล้วเก็บไว้ให้เป็นที่ จะเป็นการแบ่งเบาภาระของเณรผ้าขาวได้บ้าง เณรก็จะได้มีเวลา ผ้าขาวก็จะได้มีเวลาอ่านหนังสงหนังสือ ท่องมนต์ท่องพร หรือว่าข้อวัตรปฏิบัติอันอื่น แม้แต่การถู การขัดกาก็จะมีเวลา เรื่องการถูกาขัดกานี้ บางทีมันไม่มีเวลา ส่วนมากมันไม่มีเวลา กามันจึงดำเหมือนกา ทั้ง ๆ ที่กาแต่ก่อนมันก็ขาว

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 067/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290620 วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2529
ถึงเวลาตอนบ่ายสามโมง สองสามโมง มีการฉันน้ำร้อน มีความประสงค์จะฉัน ถึงเวลาให้มา อย่ามา ช้าจนเกินไปเสียเวลาผู้อื่น เสียเวลาทำให้ล่าช้าเพราะเรา ล่าช้าในการเก็บ ล่าช้าในการล้างนี้ ใช้เวลาฉันน้ำร้อนนี้ให้มันสั้น ทำยังไงมันจะสั้น อย่ายืดอย่าให้มันยาว เพราะเวลาของเรา มัน ๆ ควรที่จะเอามาทำเป็นให้เป็นประโยชน์ให้มาก ๆ ไม่ควรที่เอาเวลามาใช้เป็นประโยชน์ในการขบการฉันกันมากนัก หลังจากฉันแล้ว ส่วนมากก็พากันปัดตาดปัดอะไรกัน ปัดตาดนี้พากันตั้งอกตั้งใจ ให้ละเอียดในการปัดการกวาดให้ละเอียด อย่าทำเป็นคนหยาบ ให้พากันรักษา อย่าพากันทอดธุระ ถึงเวลาปัดตาดนี้ ให้พาให้ ๆ ถือว่าเป็นหน้าที่ที่จำเป็นที่สำคัญ อย่าถืออันอื่นมีความจำเป็นยิ่งกว่าการปัดการตาดของเรา

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250711 วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
การฉันน้ำร้อนฉันอะไรต่อมิอะไรที่กุฏิ ถ้าหากว่าไม่ป่วยไม่ไข้ ควรเลิกอย่าให้มันมี ฉันเฉพาะที่ประชุมก็พอแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปฉันที่กุฏิ เสียเวลา แต่ก่อน สามวันฉันน้ำร้อนกันครั้งหนึ่ง สามวันฉันน้ำร้อนกันครั้งหนึ่ง ถึงว่าจะบวชใหม่บวชเก่า เล็ก ๆ น้อยก็อยู่ในระเบียบนี่ ที่จะอิสรเสรีตามชอบใจไม่ค่อยมี ถึงครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้มีการกวดขันอะไรมาก แต่ความรู้จักความพอดี มันหากมี ว่าควรไม่ควร ถ้าหากว่าความรู้จักควรไม่ควร มันไม่มีในเจ้าของ อันนี้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติอย่างมากทีเดียว มันไม่เป็น มันจะเป็นยังไงของมัน กังวลแต่เรื่องกิน

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 002/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 280126 วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2528
เรื่องเหล่านี้ ถ้าหากว่าเราจะทานบ้าง หมายถึงหมาก เราจะสูบบ้างหมายถึงบุหรี่ ถ้าหากว่าไม่เป็นเครื่องกังวลแล้วก็ไม่เป็นการทำลายสุขภาพ มันก็ไม่มีอะไรที่จะน่าวิตก ถ้าหากว่ามันเกิดความกังวลแล้วก็สูบเข้าไป รู้สึกว่ามันไม่สบายในธาตุขันธ์ของเรา อันนี้เราน่าพิจารณา เพราะคำว่าธาตุขันธ์ร่างกาย เป็นของที่มีค่ากว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เราจะเห็นว่า คำว่าบุหรี่ รึ คำว่าหมากนั้น มีค่ากว่าสุขภาพร่างกาย ความเห็นของเรานี้ไม่ถูกต้อง เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ทรงเทศนาไว้ว่า คำหมากรึบุหรี่ นี่เป็นของมีค่าเป็นของหาได้ยาก ท่านไม่ได้เทศนาไว้อย่างนั้น ท่านว่าอัตภาพร่างกายเป็นมนุษย์มนาอย่างเรา ๆ นี่หละเป็นของหาได้ยาก เราก็ไม่ควรที่จะเอาของหาได้ยากอันนี้ ไปแลกกับของที่พระพุทธเจ้าท่านไม่รับรองว่าเป็นของหาได้ยากรึเป็นของมีคุณค่าอะไร ถ้าหากว่าไม่เป็นไปเพื่อเสื่อมเสียสุขภาพของเรา รู้สึกว่าความเสียหายอาจจะมีก็คงจะไม่มากนัก ถ้าหากว่าในเมื่อสูบเข้าไปแล้วรึว่าทานเข้าไปนี่ เสื่อมรึโทรมลงรึมีปฏิกิริยาที่เรียกว่า เพราะคำว่าหมากรึบุหรี่เป็นเหตุ เราก็ควรที่จะทิ้งเสีย ไม่ควรที่จะเห็นหมากรึบุหรี่นั้น มีความสำคัญเท่าสุขภาพร่างกายของเรา ร่างกายของเรานี่ เป็นของที่มีค่าจริง ๆ แม้แต่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าก็ยังว่า ร่างกายของเรา ๆ นี้หละเป็นของที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ในโลก

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

หัวข้อย่อย 09 การไปมาหาสู่ คุยกัน เกี่ยวข้องกัน พูดจาปราศรัย การปฏิสันถารต้อนรับแขก

หัวข้อย่อย 09 การไปมาหาสู่ คุยกัน เกี่ยวข้องกัน พูดจาปราศรัย การปฏิสันถารต้อนรับแขก

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
พูดจาปราศรัยกัน ยังใช้คำพูดยังไม่ถูกตามหลักธรรมหลักวินัย เนื่องจากว่ายังมีความแข็งกระด้างกันมาก ถ้าหากว่าถามไม่เป็นพูดไม่เป็น อย่าไปพูดอย่าไปถาม ถ้าหากว่าจะถามเป็นพูดเป็น ต้องถามให้มันมีมรรยาท อย่าถามในลักษณะที่ว่าเดินผ่านพูดกัน การพูดต้องมีกิจลักษณะ เพิ่นเดินอยู่เราไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องไปพูดก็ไม่ ควรจะใช้เวลาเดินสวนกันพูด หรือว่าเดินตามกันพูด เวลาที่จะพูด เวลาที่จะถามมันมีเยอะแยะไม่อดไม่อยาก อันนี้ไม่ใช่เป็นการถือหากัน แต่สิ่งที่ควรถือธรรมะวินัย ไม่ใช่จะถือตัว การถือตัวถือตนเป็นสิ่งที่ไม่ควร แต่การถือธรรมถือวินัย เป็นสิ่งที่ควรถือเป็นอย่างยิ่ง จะพูดจาปราศรัยกับผู้หลักผู้ใหญ่ ควรที่จะยกมือขึ้นขอโอกาสเสียก่อน ท่านยืนอยู่ก็นั่งลงก็ได้ ถ้าหากว่ามีความจำเป็น ควรที่จะทักทายปราศรัย ควรที่จะพูดยกมือขึ้นประนมมือขอโอกาสดี

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
ผู้ใหญ่ต้องรู้จักเจ้าของ เป็นผู้ใหญ่ให้ระวังกิริยามารยาทของความเป็นผู้ใหญ่ ผู้น้อยก็ให้รู้จักเจ้าของ เป็นผู้น้อยแสดงความเป็นผู้น้อยให้มีความเหมาะสม เรื่องการถือรองเท้าใส่รองเท้าก็เหมือนกัน ถ้าหากว่ามันไม่จำเป็น พระพุทธเจ้าจะวางเป็นหลักธรรมหลักวินัยไว้ทำไม ผู้มีพรรษาน้อยไม่ถือรองเท้าไม่ใส่รองเท้า ผู้มีพรรษาน้อยใส่รองเท้า เณร บางทีครูบาไม่ได้ใส่นี้ อันนี้มันศาสนาของคนมีกิเลสหนา

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 091/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290714 วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
จึงว่าให้พากันระมัดระวังเรื่องการพูดจาปราศรัยซึ่งกันและกัน พยายามพูดกันให้น้อย และพยายามพูดกันให้เป็นสุภาษิต และเป็นอรรถเป็นธรรม สิ่งที่ไม่เป็นสุภาษิต สิ่งที่ไม่เป็นอรรถเป็นธรรม ไม่ใช่หน้าที่ของเราสมณะ หน้าที่ของเราบรรพชิตจะพูดกัน ถึงจะมีการบอกกล่าวตักเตือนกันบ้าง ก็ให้ตั้งความหวังดี ตั้งเมตตาเอาไว้ในจิตในใจเสียก่อน ถ้าหากว่ายังไม่มีการทำจิตทำใจ อย่าไปพูดอย่าไปตักเตือนซึ่งกันและกัน แล้วผลสะท้อนมันจะออกมาในลักษณะที่เรียกว่าไปทางลบ อันนี้มันอดที่จะเกิดมีขึ้นไม่ได้ เพราะต่างคนมันก็มีข้าศึก อยู่ในจิตใจของทุกคนอยู่แล้ว

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 028/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290312 วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2529
พระเล็กพระน้อย ก็ให้มีความเคารพซึ่งกันและกันตามระดับพรรษา เณรก็ให้มีความเคารพพระแม้แต่พระเล็กพระน้อยพึ่งบวชใหม่ ก็ให้มีความเคารพอย่าข้ามกลาย ทำความนอบน้อมในตัวของเราอยู่ตลอดเวลา ในลักษณะนี้เป็นผู้ที่สำรวมกายของเจ้าดีแล้ว ไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันนี่ ก็ไปมาหาสู่ที่เป็นธรรมเป็นวินัย ถ้าหากว่าผู้ที่ไปหามีอายุพรรษามากกว่า ก็ให้รู้จักว่าเราผู้ที่นั้นเป็นผู้ที่เจ้าของกุฏิ ก็ให้รู้ก็มีการปูเสื่อปูสาดอาสนะนี่ ขนาดไหนเพียงไรให้รู้จัก หรือไม่มีก็คล้าย ๆ กะมีการจัดการลุกขึ้นมีการปฏิสันถารมีความนอบน้อม ผู้ที่มีพรรษาน้อยกว่าไปหาผู้ที่มีพรรษามากกว่า แม้แต่ผิดกันเพียงหนึ่งพรรษาหรือสองพรรษา ก็ให้มีมีความเคารพไปก็ให้มีการกราบการไหว้ซึ่งกันและกัน การกราบการไหว้ซึ่งกันและกันนั้น เป็นการทำลายทิฐิของเราโดยตรง ทำลายทิฐิทำลายมานะทำลายทิฐิทำลายตัวมานะ ก็คือตัวกิเลสทำลายมันลงไป ทำความนอบน้อมเท่าไร เป็นการทำลายตัวทิฐิตัวมานะมากเท่านั้น แข็งกระด้างเท่าไร เป็นการเสริมสร้างตัวกิเลสมากเท่านั้น ให้มีความเคารพซึ่งกันและกัน การพูดจาปราศรัยอย่าคุยกันในลักษณะสนุกสนาน อย่าคุยกันในลักษณะที่เป็นเพื่อน บางทีก็มีแต่พวกเรา ๆ นี่ บางทีหละจะเป็นลักษณะคุยหยอกกันก็มี ไอ้เรื่องหยอกกันหนะมันศีลเศร้าหมองเข้าใจมั้ย มันใช้ไม่ได้ อย่าให้มันมีคำหยอกคำว่าเล่น ไม่ใช่เรื่องของพระ แม้แต่ชาวบ้านหยอกเล่นมันก็ยังไม่ดี อย่าให้มันมี

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250709 วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
การไปมาหาสู่กันที่ไม่จำเป็นก็ให้หลีก เพราะเราก็เรียกว่าไม่ได้มุ่งเพื่อไปมาหาสู่คุย สนทนาอะไรกัน ความมุ่งความประสงค์ของเรา เรียกว่าต่างคนต่างมุ่งมาเพื่อแสวงหาข้อปฏิบัติ แสวงหาความสงบ หลีกเร้นในการที่จะทำจิตทำใจ ในเมื่อมีเหตุมีความจำเป็น จึงไปมาหาสู่กันได้ ในเมื่อหมดเรื่องหมดราวที่จะพูดจาปราศรัยแล้วก็ ต่างคนต่างไปที่พัก ใจของเราบางทีบางขณะเขาไม่ชอบอยู่คนเดียว ที่เขาไม่ชอบอยู่คนเดียวนั่นหนะ เรียกว่าใจของเราถูกอกุศลครอบงำ มีความกระหายมีความร้อนรน เราให้รู้จัก ใจมีความกระหาย ใจมีความกระหายอันนี้ เขาก็เป็นของที่ดับเป็น เราให้ต่อสู้ด้วยการเดินจงกรม ต่อสู้ด้วยการนั่งสมาธิ เอาสมาธิเอาภาวนานี่ข่มเข้า เอาสมาธิเอาภาวนานี่ชนะเขา

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 118/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2529
การเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน เกี่ยวข้องอย่างเป็นพระเกี่ยวข้องกัน การไปมาหาสู่ดูเสียก่อนมีความจำเป็นมั้ย ถ้าหากว่าไม่มีความจำเป็นอย่าไปมาหาสู่กัน ต่างคนต่างอยู่ตามลำพัง เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนให้อยู่อย่างหลีกเร้นนี่ อยู่อย่างหลีกเร้น อยู่ตามลำพังทำความสงบ ปรารถนาความสงบภายในจิตในใจให้มีความวิเวกทางกาย ให้มีความวิเวกภายในจิตในใจ อันนี้พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนี้ ครูบาอาจารย์ก็สอนอย่างนี้ เราให้มุ่งในหน้าที่ของเรา ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกท่านสอนเอาไว้ ให้จริงจัง จึงว่าให้ตรวจตราดูการไปมาหาสู่ การเกี่ยวข้องมีความจำเป็นหรือไม่ และเป็นประโยชน์หรือไม่ ถ้าหากว่าไม่มีความจำเป้นในการที่จะเกี่ยวข้องกัน ไม่เป็นประโยชน์ในการที่จะเกี่ยวข้องกัน เราต่างองค์ต่างอยู่ ต่างองค์มีหน้าที่ปฏิบัติจิตใจของกันและกันแล้ว ก็ปฏิบัติจิตใจของเราตามลำพัง ในสถานที่พัก ในสถานที่วิเวก อันนี้เป็นการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง การเกี่ยวข้องอย่างพระเกี่ยวข้องกัน เกี่ยวข้องกันในลักษณะนี้ การพูดจาปราศรัยกันซึ่งกันและกันก็เหมือนกัน ให้พูดจาปราศรัยอย่างพระคุยกัน พระพูดกันคือ พูดกันอย่างไง อย่าลืมว่าเราเป็นพระ ให้มีความอ่อนน้อม ให้มีความอ่อนนุ่ม ในการพูดจาปราศรัยซึ่งกันและกัน อย่าพูดอย่างชาวบ้านคุยกัน อย่าพูดอย่างไม่มีสติ ถ้าหากว่าไม่มีสติลืมตัว มันก็เหมือนชาวบ้านดี ๆ นั้นเอง

ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
พูดกันอย่าง อย่างพระพูด ระมัดระวังคำพูดให้พอดีพองาม อย่าให้แรงเกินไป อย่าให้ค่อยเกินไป แรงเกินไปขนาดพูดอยู่ข้างบน ข้างล่างได้ยินแรงมากไป เพราะเราพูดให้คนข้างบนฟัง อย่าให้ค่อยจนกระทั่งเราต้องการพูดให้เขาฟัง พูดให้เขา พูดให้รู้เรื่อง อย่าพูดค่อยจนกระทั่งเขาไม่รู้เรื่อง หรือเขาไม่ได้ยินหละ ระหว่างที่พูดกัน ผู้ที่ฟังให้มีความอ่อนน้อมกันให้มาก ผู้ใหญ่ต้องเป็นผู้ใหญ่ ผู้น้อยต้องเป็นผู้น้อย ผู้ใหญ่ก็ไม่รู้จักเจ้าของเป็นผู้ใหญ่ มันเป็นการฝึกผู้น้อยให้ไม่รู้จักว่าเจ้าของเป็นผู้น้อย แต่ผู้ใหญ่ไม่ใช่ถือตัวในลักษณะ (เป็นการถือตัวทำเพื่อเป็นข้อปฏิบัติ) ไม่ใช่ทำเพื่อเป็นการถือตัว ทำเพื่อเป็นข้อปฏิบัติ อย่าคุยกันลักษณะเพื่อนคุยกัน ครูบาอาจารย์ที่เป็นครูบาอาจารย์นั้น แม้แต่พรรษาเดียวกัน อ่อนหลังท่านก็ยังทรงอ่อนน้อมต่อกันมาก เพราะท่านเคารพธรรม เราไม่เอาอย่างครู ไม่เอาอย่างอาจารย์แล้วเราจะเอาอย่างใครกัน เอาอย่างความเคยชินมันก็ตามกิเลสของเจ้าของนั้น ท่านเคารพกัน ท่านอ่อนน้อมซึ่งกันและกัน ข้อปฏิบัติท่านที่มีการคล่องตัว พูดกันถึงว่าการพับผ้าสังฆาฏินี่ พูดกันถึงว่าการล้างเท้า เช็ดเท้า ท่านไม่ได้ถือว่าท่านมีลูกศิษย์ลูกหา แล้วท่านไม่ถือว่าเขานับถือเป็นครูเป็นอาจารย์ ว่าทำอย่างนั้นมันไปทำไม่ได้เป็นอย่างงั้น

ลำดับที่ 008 เลขที่เทป 007/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260205 วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526
การเกี่ยวข้องกับบุคคลทั่ว ๆ ไป ในเมื่อเกี่ยวข้องแล้วเป็นประโยชน์ ก็เกี่ยวข้องกันไป ในเมื่อเกี่ยวข้องแล้วไม่เป็นประโยชน์ มันก็ไม่ต้องสนใจที่จะเกี่ยวข้องนั้น มันก็ไม่มีคำว่าเกี่ยวข้อง แล้วประโยชน์ก็คือว่า สิ่งไหนที่จะเป็นไปเพื่อความรู้เพื่อความเข้าใจ เป็นไปที่จะปลูกศรัทธาความเลื่อมใสให้เกิดให้มีขึ้นในข้อปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา ก็บอกก็อบรมกันไป หรือสนทนาปราศรัยกันไปชักจูงกันไป ในเมื่อพอที่จะเป็นไปได้ ในเมื่อเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ อันนั้นมันก็เรื่องของเขา การเกี่ยวข้อง ในเมื่อมันเป็นประโยชน์ก็เกี่ยวข้องกันไป ในเมื่อการเกี่ยวข้องไม่เป็นประโยชน์ ถ้าหากไปเกี่ยวข้องแล้วมันไม่ได้ประโยชน์ เราไปเกี่ยวข้อง อันนั้นมันไม่ถูก เกี่ยวข้องแล้วมันไม่ได้ประโยชน์ จะไปเกี่ยวข้องกันทำไม คำว่าประโยชน์นี้ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว เป็นประโยชน์ส่วนรวม เป็นประโยชน์ทั้งเราและเขา ถ้าหากเกี่ยวข้องกันเราก็ไม่ได้ประโยชน์ เขาก็ไม่ได้ประโยชน์ มันไม่ใช่เพียงเท่านั้น มันเสียประโยชน์เสียอีก จึงว่าเลิกการเกี่ยวข้องกันเสียดีกว่า

ลำดับที่ 009 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240419 วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2524
มีใครไปใครมา มาถึงกลางวันเดินทางมา น้ำมีความจำเป็น จะต้องจัดต้องหา เพราะเราอยู่กับวัด อยู่กับที่เป็นเจ้าบ้าน แขกที่มาใหม่ไม่รู้ว่าน้ำอยู่ที่ไหน ตลอดถึงอะไรก็ช่าง สิ่งอื่นเราก็ต้องหา จัดหาต้องดูแลเรื่องปฏิสันถาร พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าต้องให้มีความเอาใจใส่ ถ้าขาดการเอาใจใส่ในเรื่องการปฏิสันถาร ใช้ไม่ได้ การปฏิสันถารก็คือ การต้อนรับการรับรอง อำนวยความสะดวกให้เป็นที่สบายใจแก่แขกที่มาเยี่ยมเยียน

หัวข้อย่อย 08 การบิณฑบาต

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
เรื่องการบิณฑบาตก็ดี ในเมื่อมันมากกัน ให้พากันระมัดระวัง ขาดความระมัดระวังก็ถือขาดธรรม ถ้าหากว่าขาดธรรมเมื่อไร กิเลสมันแสดงออกขึ้นมาทันที เดินไปบิณฑบาตกิเลสมันก็แสดง เดินกลับบิณฑบาตกิเลสมันก็แสดง ถึงมันไม่แสดงออกข้างนอก มันก็แสดงอยู่ภายในใจ ต้องระมัดระวัง เพ่งมันตลอดเวลากับฐานของเจ้าของ ทั้งไปทั้งกลับ ๆ ๆ ทุกก้าวขาที่เราเดินไปนี้ เพ่งลงไปในกรรมฐานให้พากันทำอย่างนี้ แล้วผลของการทำอย่างนี้แล้วเป็นยังไง อันนี้ไม่ต้องมีใครบอกแล้ว พากันลองทำดู เดินไปนี้เดินกลับนี้ ให้เพ่งในกรรมฐานของเจ้าของเท่านั้น เพ่งลงไปในผมในขนในเล็บ ในฟันในหนัง มันก็เพ่งสบายขาของเรา ไอ้ที่ ๆ มันเดินไปนี้ ล้วนให้มันเห็นเหมือนกระดูกมันก้าวไป ๆ ๆ ๆ ก้าวไปก้าวกลับนี้ ให้มันเห็นแต่กระดูกเดิน

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
การรับบาตรรับพกกัน ก็ให้ดูอย่าว่าให้ถึงกับว่าเหน็ดเหนื่อยเจ้าของ เป็นการเบียดเบียนเจ้าของ ผู้ที่จะให้บางองค์บางท่านรับบาตรก็ต้องดู เพราะมันไกล เพราะเราสามารถที่จะสายมาเองไปเองได้อย่างสะดวก เราก็สะพายเอาเอง ถ้าหากว่าบางท่านคล้าย ๆ กับว่าด้วย ท่านมีน้ำจิตน้ำใจแล้วเราก็ดูว่าท่านนั้น จะไม่เป็นไปเพื่อความลำบากมากเกินไป เราจะให้ท่านสะพายไปสะพายกลับให้ได้

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250403 วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2525
ในสมัยก่อนกับสมัยนี้ เมื่อเทียบกันแล้วมันต่างกันมาก ผมจึงพอใจดีใจที่ผู้ใดถือความสันโดษมักน้อย ทำยังไงเจ้าของจึงจะเป็นผู้มักน้อย พอใจในการเรื่องปากเรื่องท้องนี้ให้มันน้อยลงไป ช้าง ถ้าหากว่ามันรับประทานอาหารอิ่ม ทรมานไม่ได้ เอามาฝีกให้ควรแก่การแก่งานไม่ได้ เขาจะต้องให้อดอาหาร ไม่ให้อาหาร แล้วก็ฝึกเวลามันผอม ฝึกเวลามันอดมันหิวอาหารนั้น นี่หลักวิชาของนายควานช้างที่เขาฝึกช้างให้ควรแก่การแก่งาน แต่สรุปแล้วพระพุทธเจ้าท่านก็สอนไว้ โภชเนมะตันยุตา ให้รู้จักความพอดีในการบริโภค ทำความพอดีนั้น ให้สังเกตดูการภาวนาของเรา เราภาวนาดีด้วยการบริโภคอาหารขนาดไหน เราก็ถือขนาดนั้นหละ เป็นความพอดีของธาตุขันธ์ของเรา

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
เวลารับบิณฑบาตให้ระวัง ถ้าหากว่าไม่ระวังละ มันจะไปรับเอาหลายอย่าง มันไม่ใช่รับแต่ข้าว ท่านให้สำรวมลงในบาตร ตามองเฉพาะในบาตรเท่านั้น อย่าไปมองอันนั้นอันนี้ มันเกิดโทษ คำว่าโทษไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าว่า ตรัสเป็นโทษ แล้วโทษจึงเกิดเป็นโทษ โดยธรรมชาติคนไปเหยียบหนามไม่ต้องมีใครว่า หนามจะตำตีนเจ็บ ไม่ต้องมีใครพูดหากมันเจ็บ จึงให้ระมัดระวังมีสติ ทั้งไปทั้งกลับรับบิณฑบาตทั้งกลับ ปรารถนาจิตปรารถนาใจของเราอยู่ด้วยความสงบ ถึงจะพิจารณาอรรถธรรมพิจารณาไปได้ เกิดความรู้ความเห็นอะไรต่อมิอะไร ระหว่างบิณฑบาตไประหว่างกลับ จากบิณฑบาตได้ความรู้ และความเข้าใจสิ่งที่เราไม่เคยคิดมัน บางทีก็เอา มันก็เอามาคิดสิ่งที่เราไม่เคยรู้นี้ เราก็รู้ขึ้นมาได้ ถ้าหากว่าใจของเรามีการปรารภธรรมะอยู่ หรือปรารภความสงบอยู่

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 999/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290808 วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2529
บิณฑบาตก็ให้มีสติ กลับก็ให้มีสติอย่าเดินเหมือนกับคนเขาไปหาปลา อย่าเดินเหมือนกับคนเขาไปหาหน่อไม้หาเห็ดกัน เสียงสนั่นหวั่นไหวคับป่าคับดวง คับถนนหนทาง มีแต่เสียงคุยสนทนากัน เราไปบิณฑบาตอย่าให้เป็นอย่างนั้น ต่างคนต่างเดินไปด้วยความสงบ เดินไปด้วยข้อปฏิบัติธรรมทั้งไปทั้งกลับ เรียกว่า ไปบิณฑบาตกับเทวดาอนุโมทนา ในการไปบิณฑบาตของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นข้อปฏิบัติตั้งอกตั้งใจ

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
การบิณฑบาตถึงจะไปหลายองค์ด้วยกัน รวมกันไป อย่าเดินพยายามแซงหน้าแซงหลัง ถ้าหากว่าใครจะแซงก็รีบแซงไปเสีย ไม่ใช่ไปเดินแซงในลักษณะทำท่าจะเคียงคู่อย่างนั้นไม่เอา ทำความสงบในการเดินไปบิณฑบาต ทั้งไปทั้งกลับ

ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250720 วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
การกิน พระพุทธเจ้าท่านก็สอน ไม่ให้กินจนอิ่มจนเกินไป กินให้อิ่มพอดีพองาม ประมาณว่าอีกสักสองสามคำก็จะอิ่มให้เลิกเสีย ท่านสอนว่าอย่างนี้ ถ้าหากว่ากินจนอิ่มตื้อ ถ้าดื่มน้ำหละมันอิ่มเกินไป ประมาณอีกซักสองสามคำให้เลิก ถึงจะเอร็ดอร่อยซักเท่าไหร่ก็ช่าง เป็นการยับยั้งใจของเรา ห้ามใจของเรา ไม่ให้ตกไปในกระแสของความอยาก กินเพื่อคล้าย ๆ กับว่า เยียวยาธาตุขันธ์ รักษาอัตภาพร่างกายให้ทรงอยู่ได้ เพราะร่างกายของเรานี้ เป็นร่างกายขึ้นมา ก็ต้องอาศัยอาหาร และจะทรงอยู่ได้ก็ต้อง อาศัยอาหาร จึงว่าเราบริโภค เรากินอาหารก็เพียงเพื่อเยียวยาร่างกายเท่านั้น ไม่กินด้วยอำนาจของ ความอยาก กินด้วยอำนาจของความอยากแล้ว มันชอบทำให้แน่นเฟ้อ มันชอบทำให้ท้องเสียกันบ่อย ๆ ท้องขึ้น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อะไรเหล่านี้ เนื่องจากกินไม่เป็นทั้งนั้น

ลำดับที่ 008 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250709 วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
ถ้าหากว่ามุ่งในการภาวนา ฉันน้อย ๆ ดี ถ้าหากว่าฉันมาก ๆ หละ มันต้องนอน ถ้าหากว่าฉันน้อย ๆ หละ หลังจากฉันไปเดินจงกรม นั่งสมาธิได้อย่างสบาย ก่อนที่จะฉันก่อนที่จะบริโภค ก็พิจารณามามาก ๆ ให้เห็นเป็นของปฏิกูล ให้เห็นเป็นธาตุ ให้เห็นเป็นของทิ้ง เห็นเป็นปฏิกูล เห็นเป็นธาตุ เห็นเป็นของทิ้ง แล้วจึงค่อยบริโภคแล้วจึงฉัน หลังจากฉันแล้วก็ไปเดินจงกรม นั่งสมาธิใจสงบดี เอาอุบายที่ได้จากการพิจารณาก่อนฉันนั้นมาพิจารณาต่อใจของเรา ให้เข้าถึงความสงบ

ลำดับที่ 009 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
พิจารณาให้มันเห็นความอยากเสีย หายความหิวเสียค่อยบริโภคขบฉัน เห็นเป็นของปฏิกูล เห็นเป็นของปฏิกูลไปจริง เราทั้งคนก็เป็นของปฏิกูล ในเมื่อเราทั้งคนเป็นของปฏิกูล คำว่าเรามันก็ไม่มี เห็นเป็นมูตรเป็นคูตร เห็นเป็นของสกปรก พิจารณาไปในในนี้ ลักษณะนี้เรียกว่า พิจารณาเป็นธรรมทุกทาง มันแก้ความยากมันลดความอยาก มันทำลายความอยาก ความอยากไม่มี ฉันก็ได้ไม่ฉันก็ได้ ที่ว่าทำใจให้แยบคายเสียก่อน จึงค่อยบริโภคขับฉัน สังเกตดูให้ดี ถ้าวันไหนพิจารณาก่อนฉันแยบคายดี ดีสบายใจตลอดทั้งวัน ไปเดินจงกรม ระลึกถึงที่พิจารณาอาหารแยบคายดังนั้น นั่งสมาธิก็ระลึกนึกที่เราพิจารณาอาหารแยบคายเหล่านั้น ใจมันก็แยบคายลงไป แยบคายลงไป มันเป็นการทำลายกิเลสทั้งนั้น กิเลสมันอ่อนตัวลงไป ใจของเราก็มีโอกาสสงบลงได้ ถ้ากิเลสมันยังแข็งตัวเต็มที่ มันไม่ยอมอ่อนตัวลงแม้แต่น้อย มันไม่สงบดอก เพราะกำลังมันมาก น้อมมันเขจ้ามามันก็ไม่น้อมเข้ามา มันก็ไป ถ้าหากมาแบบที่มันไม่เช้ามานี้ แล้วมันจะสงบได้ยังไง ถ้ามันแยบคายลงไปด้วยการพิจารณาแล้ว่า น้อมเข้ามาแล้ว มันหากใส มันหากเย็นขึ้นมา ขึ้นทันทีในจิตในใจ

ลำดับที่ 010 เลขที่เทป 118/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2529
การขบการฉัน ขบฉันอย่างพระ พิจารณาให้แยบคายเสียก่อนจึงค่อยขบค่อยฉัน คำว่าแยบคายคือย่างไร เห็นชัดลงไปว่า เป็นของปฏิกูล เห็นชัดลงไปว่าเป็นของทิ้ง เห็นชัดลงไปว่าเป็นดิน เห็นชัดลงไปว่าเป็นธาตุนี้ ร่างกายของเราเนื่องด้วยธาตุ ร่างกายของเราเนื่องด้วยดิน ร่างกายของเราเนื่องด้วยของปฏิกูล ที่เราบริโภคขบฉันเข้าไปทุกวันทุกวันนี้ นี่ในลักษณะนี้เรียกว่า อย่างพระฉันนี้ หรือว่ากินอย่างพระฉัน

ลำดับที่ 011 เลขที่เทป 169/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 291211 วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2529
ฉันแล้วเบาไม่หนัก ฉันแล้วไม่ง่วง ไม่ง่วงไม่อยากหลับอยากนอน นั่นหละพอดี อยากไปเดินจงกรมก็สบาย อยากนั่งสมาธิก็สบาย ทำอะไรมันสบายไปหมด ความพอดีมันมาตั้งแต่การบริโภค การขบการฉัน อันนี้ให้รู้จักเอา “โภชเนมัชตัณญุตา” รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร ให้รู้จักประมาณให้พอดี ฉันแล้วภาวนาดี พิจารณาแล้วมันก็ได้อุบายแยบคายดี ก่อนนั้นพิจารณาให้แยบคาย ให้เห็นเป็นของปฏิกูลลงไป พิจารณาเห็นความเป็นจริงของเขา ก็คือ ความปฏิกูลนั่นเอง ปฏิกูลทั้งกลิ่นปฏิกูลทั้งรส แม้แต่สัมผัสมันก็ปฏิกูล เค้าเป็นปฏิกูลโดยธรรมชาติ พิจารณากันให้มันเห็นความจริงของเขาชัดขึ้นในใจ โยนิโส พิจารณาให้แยบคาย ให้แยบคายแล้วพอดี การกินพอดี เพราะไม่ได้กินด้วยความอยาก กินเพื่อเป็นการเยียวยา หล่อเลี้ยงอัตภาพให้ทรงอยู่ ไม่ได้กินเพื่อความอยาก

ลำดับที่ 012 เลขที่เทป 012/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290116 วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2529
พูดถึงการขบการฉัน เราก็จะพยายามให้มีสติในการขบการฉัน เวลาเคี้ยวให้มีสติเคี้ยว เวลากลืนให้มีสติกลืน กลืนลงไปถึงไหนให้เห็น เข้าใส่ปากก็ให้มีสติ เคี้ยวก็ให้มีสติ กลืนก็ให้มีสติ กลืนไปถึงไหนลงไปถึงไหน ก็ให้มีสติรู้เห็นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเอาเป็นการภาวนาทั้งนั้น เราทำอะไรเราตั้งใจไว้ด้วย เราจะไม่ฉันให้อิ่ม การฉันอิ่มอย่าว่าดีนะ ใกล้จะอิ่มรีบอิ่มซะ พอใกล้จะอิ่ม รีบอิ่ม ในวิสุทธิมรรค ท่านกล่าวว่า สักสามถึงสี่คำใกล้จะอิ่ม อิ่มเสีย แล้วดื่มน้ำพอดี เบาเนื้อเบาตัวไม่หนัก ไม่ท้องขึ้นท้องอืด หลังจากฉันแล้วไปเดินจงกรม นั่งสมาธิสบาย ถ้าหากว่าฉันอิ่มไป เดินจงกรมก็ลำบาก ไปนั่งสมาธิก็นั่งไม่ได้ บางทีนอนก็นอนลำบาก แล้วชอบเป็นโรคท้องเสียด้วย ตั้งใจว่าเราจะไม่ฉันให้อิ่ม ฉันให้พอดี พอใกล้จะอิ่มหละ เซาเสียพักเลิก เพราะเราฉันเอาไปภาวนา ฉันให้ร่างกายอันนี้มีกำลัง แล้วเอาร่างกายอันนี้ไปภาวนา ไม่ใช่ฉันให้ร่างกายอันนี้มันมัวเมา ฉันอิ่มมันมัวเมา ฉันพอดีนั่นหละ

ลำดับที่ 013 เลขที่เทป 011/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 261220 วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2526
จึงว่าเรื่องการขบการฉันมีความสำคัญ ให้อด ๆ อยาก ๆ ให้หิวบ้างอิ่มบ้างนี่ อันนี้ดีมาก ถ้าหากว่ามีแต่อิ่ม ถ้าอิ่มมันก็มีแต่มืดมนอนธกาล มีแต่มืดมนอนธกาลทั้งนั้นหละ แล้วทีนี้มันก็ทำให้มีความเมา ชาคริยานุโยค มุ่งในการประกอบความพากความเพียรยกจิตยกใจไม่ขึ้น นั่งภาวนา บางทียังไม่ทันได้ชั่วโมง ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น มันก็เสียงกรนให้กันฟังแล้วแหนะ เพราะอะไร นี่ ก็เพราะความเมานั่นเอง เมาในการที่ไม่รู้จักความพอดี เมาในความไม่รู้จักความประมาณ เรื่องเหล่านี้ควรจะพากันรับทราบ เรื่องเหล่านี้ควรจะพากันเข้าใจนี่

ลำดับที่ 014 เลขที่เทป 999/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 280830 วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2528
เวลากิน กิเลสเค้าก็แซงหน้าพั้บทันที แซงมาแต่ก่อนกินพุ่น แซงมาแต่ก่อนกินคือยังไง อันนั้นมันดี อันนั้นมันไม่ดี อันนั้นมันอร่อย อันนั้นมันไม่อร่อย อันนั้นมันหวาน อันนั้นมันเค็ม อันนั้นมันเผ็ด อันนั้นมันอะไรต่อมิอะไร ๆ ในเมื่อกิเลสเค้าบอกอันนั้นไม่อร่อยก็ไม่เอา ไม่หยิบ อันไหนอร่อยอันนั้นเอา แล้วก็หยิบมาก ๆ เสียด้วย นี่มันแซงมาแต่กิน ธรรมะของพระพุทธเจ้ามัชฌิมา ไม่ให้เลือกไม่ให้คุ้ย ฉันอาหารให้ฉันแต่ข้างบนลงไป ปราณีตละเอียดรึว่าไม่ประณีตหยาบยังไง ไม่ให้เลือก จะประณีตละเอียดมีค่ามากมายซักเท่าไรก็ช่าง จะประณีตละเอียดมีค่ามากมายซักเท่าไรก็ช่าง ก็คือของปฏิกูลนั่นเอง ในเมื่อเข้าไปถึงปาก สภาพความละเอียดสภาพความประณีตมีค่ามากมายหมดไปทันที จะเอร็ดอร่อยมากมายซักเท่าไรก็ช่าง กินแล้วเป็นอุจจาระทั้งนั้น จึงว่ากิเลสมันแซงมาแต่กิน มันแซงหน้าทุกขณะทีเดียวว่างั้นเถอะทุกอย่าง

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ข้อวัตร ปฏิบัติ 07 การเที่ยวธุดงค์ หาสถานที่วิเวก หลีกเร้น สถานที่ปฏิบัติธรรม

การเที่ยวธุดงค์ หาสถานที่วิเวก หลีกเร้น สถานที่ปฏิบัติธรรม
ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2524
ครูบาอาจารย์ท่านจึงนิยมส่งเสริมสนับสนุนการแสวงหาที่เที่ยว สถานที่ทุรกันดาร สถานที่ป่าดงพงไพรลึก ๆ มีส่วนช่วยในการที่จะประกอบความพากความเพียร นี่ ได้มากทีเดียว เดี๋ยวนี้การเที่ยวธุดงค์ไม่ค่อยเหมือนก่อน เป็นการเที่ยวลักษณะเที่ยวไปตามอารมณ์ เที่ยวเพื่อต้องการความสนุกสนานนี่ ไปนั่นไปหาหมู่ที่นั่น ไปนั่นไปหาหมู่ที่นั่น ไปสนุกสนาน คุยเที่ยวกันไปตามเรื่อง การปฏิบัติก็ไม่ค่อยจะได้ผล การเที่ยวแสวงหาสถานที่ประกอบความพากเพียรบำเพ็ญภาวนา ก็มีแต่ที่จะน้อยลงไป เพราะไม่เห็นผล อยู่กับวัดกับวามันสะดวกสบาย การประกอบความพากความเพียรมันไม่ค่อยจะก้าวหน้า ผู้ที่มีหลักมีฐานก็เรียกว่าพอทรงอยู่ได้ ผู้ที่มีหลักมีฐานในจิตในใจแล้วก็พอทรงอยู่ ถ้าหากว่าผู้ที่ยังไม่มีหลักมีฐานภายในจิตในใจ การที่จะสร้างรากสร้างฐานให้เกิดให้มีขึ้น เพราะความสะดวกสบาย อันนี้เป็นของลำบากสักหน่อย

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250910 วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2525
พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญ ยกย่องการอยู่คนเดียว การแสวงหาความวิเวก การที่จะแนะนำให้พระสาวกไปบำเพ็ญสมณะธรรม ท่านก็ส่งเสริมการอยู่ตามลำพัง อยู่ผู้เดียว ไม่สรรเสริญไม่ยกย่องการอยู่เป็นกลุ่ม ไม่สรรเสริญไม่ยกย่องการคลุกคลี สรรเสริญยกย่องการหลีกเร้นออกจากสถานที่ที่มีการคลุกคลีกันนั้น ๆ สถานที่ใดเป็นสถานที่ปราศจากความคลุกคลี ให้ถือสถานที่นั้นเป็นสถานที่บำเพ็ญสมณะธรรม

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240724 วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2524
คิดถึงความเงียบ คิดออกไปภายนอก มันเงียบไปหมด ต้นไม้ก็เงียบอยู่ที่ต้นไม้ ก้อนหินก็เงียบอยู่ที่ก้อนหิน ต้นหญ้าก็เงียบอยู่ที่ต้นหญ้า แผ่นดินก็เงียบอยู่ที่แผ่นดิน อากาศก็เงียบอยู่ตามปกติของเขา แสงเดือนแสดงดาวเขาก็อยู่ตามปกติของเขาอย่างนั้น ไม่มีเสียงคน ไม่มีเสียงเครื่องจักรเครื่องกลเครื่องยนต์
กลไกไม่มี เรามีโอกาสได้มาเกี่ยวข้องในสถานที่อย่างนี้ เรียกว่าได้มาเกี่ยวข้องกับสานที่วิเวก กายของเราได้สัมผัส เขาเรียกว่ากายวิเวก คือ กายของเรามาอยู่ในสถานที่วิเวก สถานที่เงียบ สงบวิเวก การส่งใจไปเกี่ยวข้อง ส่งใจไป คิดไปอ่านไป ตรวจตราบรรยากาศภายนอก ก็เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติมีส่วนประกอบ มีส่วนช่วยในการที่จะทำให้ใจของเราเข้าถึงความสงบได้มาก

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240212 วันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524
พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้หลีกเร้น คำว่าหลีกเร้น ก็ให้หนีให้ออกห่างจากสถานที่โลกเขาเจริญนี่เอง ให้หลีกออกจากความเจริญของโลกเขานั้น หลีกเร้นไปที่ไหน ก็หลีกเร้นไปหาอยู่หาอาศัยในสถานที่ความเจริญของโลกเขายังแผ่ไปไม่ถึง นี่ก็แสดงว่าความเจริญของโลกเจริญอยู่ ณ สถานที่ใด สถานที่นั้นไม่ค่อยสะดวกในการที่จะอบรมจิตใจ พระพุทธเจ้าท่านจึงสรรเสริญสถานที่สงบวิเวก สถานที่ห่างไกลจากความเจริญของโลก องค์พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสรู้ สำเร็จมรรคผล ท่านก็ได้ตรัสรู้หรือสำเร็จมรรคผลในป่า

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240109 วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2524
จึงว่าประโยชน์ของการเที่ยวธุดงค์ ประโยชน์ของการอยู่ป่าดงพงไพรนี่มีประโยชน์มากมายจริง อย่างประวัติของท่านพระอาจารย์มั่น มีเรื่องการอยู่ป่าอยู่เขาของท่านนี้ ท่านสนุกสนานรื่นเริงเพลิดเพลินกับการอยู่ป่าจริง ๆ การอยู่ป่าการเที่ยวป่านี้มันสนุก สนุกอยู่กับการเดินจงกรม สนุกกับการภาวนาสนุกอยู่กับการต่อสู้กิเลสของเจ้าของ ของมันอยู่อย่างนี้มันไม่มีอะไรมาปิดนะ มันไม่มีอะไรที่จะมาปิดมาบัง กิเลสตัณหามันมีเท่าไรมันหากแสดงออกมาหมด อยู่กับผู้กับคนกับบ้านกับเมืองในสถานที่ที่เรียกว่า มีการคลุกคลีเกี่ยวข้องนะ สิ่งเหล่านี้หละมันปิดกิเลสไว้ การเกี่ยวข้องกับผู้คนมันก็อยู่กับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้กับคนนั่น ไอ้เรื่องกิเลสของเจ้าของที่มันฝังอยู่หละ มันมองไม่เห็นก็เลยสบายไปเสีย สบายไปเสีย ๆ

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240109 วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2524
สถานที่ใดเป็นสถานที่ห่างไกลความเจริญของโลก เราเห็นเราควรที่จะเห็นสถานที่นั้นหละเป็นสถานที่บำเพ็ญสมณะธรรมของเรา ควรเห็นสถานที่นั้นหละ เป็นสถานที่ควรอยู่ควรอาศัยอย่างยิ่ง ถึงว่าจะเป็นสถานที่ทุรกันดาร ไม่สะดวกด้วยสถานที่ต่าง ๆ เกี่ยวด้วยอาหารการกินจะไม่สะดวกสบาย ถึงว่าจะอิ่มบ้างหิวบ้าง ก็ไม่ควรที่จะถือเรื่องเหล่านั้นมีความสำคัญ ควรเห็นความสำคัญในการปฏิบัติเพื่อความก้าวหน้า และเพื่อการแก้จิตแก้ใจของเรานี้ ไม่ให้ลุ่มหลงมัวเมากับความเจริญของโลกเขานั่นนี่ ควรที่จะเห็นอย่างนี้มากกว่า ในเมื่อสถานที่นั้นเป็นสถานที่สะดวกสบาย ในการที่จะปฏิบัติจิตใจของเรา จึงว่าเห็นอานิสงส์ของการเที่ยวป่า อานิสงส์ของการอยู่ภูอยู่ป่านี้ มีประโยชน์มากจริง ๆ

ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240711 วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2524
พระพุทธเจ้าท่านก็ให้แสวงหาสถานที่เป็นที่สบาย เรียกว่าที่อยู่เป็นที่สบาย คำว่าสบายนี้ รวมเอาไว้ซึ่งหลายเรื่องหลายอย่าง ความสะดวกสบายมีโอกาสได้บำเพ็ญ มีโอกาสได้ปฏิบัติมาก แล้วสิ่งที่จะมาทำให้เป็นเครื่องรบกวน ทำให้ใจต้องไป เราเอาสิ่งที่ไม่เป็นสิ่งที่จะมาทำให้ใจของเราส่งไป ส่ายไปในลักษณะนี้ สถานที่นั้นมีเรื่องที่จะมาดึงจิตดึงใจให้เราไปมา สถานที่นั้นเป็นสถานที่ควรหลีก
ลำดับที่ 008 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240711 วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2524
จึงว่าเรามีความจำเป็นที่เรียกว่าจะต้องไปยู่ ณ สถานที่ใด ก็ทำให้ความพอใจ ณ สถานที่นั้น ถ้าหากมีการไปตำหนิติชม มีการไปตำหนิเข้า ความตำหนินั้นหละ จะทำให้ใจเราไม่สบาย และในเมื่อมีกาตำหนิแล้ว ก็จะไปมีข้ออ้างทำให้ข้อปฏิบัติเรานั้นขาด เพราะเราจะอ้างว่าสถานที่ไม่สะอาด โอกาสไม่อำนวย อะไรต่ออะไรเหล่านี้เป็นช่องทาง เพราะเขาไม่อยากให้เราปฏิบัติอยู่แล้ว ให้ทำความพอใจในสถานที่ที่เราอยู่นั้น สถานที่ใดก็ช่าง ในเมื่อเป็นการปฏิบัติธรรม ในเมื่อเรามีการปฏิบัติธรรมแล้ว เป็นการปฏิบัติได้ทั้งนั้น เพราะการปฏิบัติธรรม ก็คือการปฏิบัติใจ

ลำดับที่ 009 เลขที่เทป 031/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260617 วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2526
จึงว่าสถานที่ก็มีความสำคัญ องค์พระพุทธเจ้าท่านทรงเทศนาเรื่องสถานที่เอาไว้ เรียกว่าให้แสวงหาสถานที่หลีกเร้น หาอยู่รุกมูลร่มไม้ อยู่เรือนร้างว่างเปล่า อยู่ป่าช้า อยู่ในถ้ำ อยู่ในล้อมฟาง ในสถานที่ห่างไกลจากผู้จากคน ให้หลีกเร้นไปหาสถานที่ลักษณะนี้ ท้านทรงเทศนาว่า เป็นสถานที่สะดวกสบายในการที่จะประกอบในการที่จะบำเพ็ญสมณะกิจ สมณะธรรม เป็นสถานที่ที่จะสลัดทิ้งเสียได้ ซึ่งความมืด ซึ่งความวุ่นวาย ซึ่งความฟุ้งซ่าน นี่ในเมื่อไปอยู่สถานที่นั้น มีโอกาสประกอบความพากความเพียร เดินจงกรมให้มาก นั่งสมาธิให้มาก เพราะว่าในสถานที่ลักษณะนั้น ไม่มีคนเข้าไปเป็นอุปสรรคในการประกอบความพากเพียรได้เต็มที่

ลำดับที่ 010 เลขที่เทป 031/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260617 วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2526
พระพุทธเจ้าท่านทรงเทศนาสอนพระไว้ “ผู้ปฏิบัติธรรมมุ่งอยู่ป่า มุ่งให้คนเข้าใจ มุ่งให้คนรู้ ว่าเจ้าของพอใจในการอยู่ป่า แล้วก็เดินไปเป็นบาปทุกก้าวที่เดินไปสู่สถานที่วิเวกนั้น” เพราะทำไมจึงเป็นบาปทุกก้าว เพราะใจอันนั้นเป็นใจที่เป็นบาปเสียแล้ว เป็นใจที่เป็นลามกเสียแล้ว จะไปอยู่ที่ไหนก็เอาใจที่เป็นลามกนั้นไปด้วย คือมีความปรารถนาอันลามก ไม่มีความปรารถนาที่จะละความลามกของใจนั้น อันนั้นเป็นการสั่งสมกิเลส ไม่เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อละกิเลส ถึงว่าจะอยู่ป่าอยู่ถ้ำ อยู่เหวอยู่อะไรก็ช่าง แต่ไม่มุ่งที่จะชำระจิต ชำระใจให้พ้นจากสิ่งที่เป็นลามกธรรม ถ้ายังหวังรูป หวังเสียง หวังลาภ หวังยศ หวังอะไรต่อมิอะไร ยังเป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อสั่งสมทั้งนั้น

ลำดับที่ 011 เลขที่เทป 011/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 261220 วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2526
มุ่งในการแสวงหาที่หลีกเร้น มุ่งในการมีเป้าหมายมีจุดหมายในการแสวงหาที่หลีกเร้นอยู่ตลอดเวลา ถึงเราอยู่กับวัดกับวา ก็มุ่งเป็นผู้หลีกเร้น คำว่าหลีกเร้น ไม่ใช่ ในที่นี้ ไม่ใช่หลีกให้ไปไกลหูไกลตาครูบาอาจารย์ ไม่ได้หลีกไปให้คล้าย ๆ กับว่ามีอะไร การงานจะไม่มีใครไปตามหาหรือตามหาไม่เห็น ไม่ใช่ หลีกไปเพื่อสะดวกในการที่ได้อิสระนี่ เพราะไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้ในการอยู่ของเจ้าของ ไม่ใช่หลีกไปในลักษณะนั้น หลีกไปเพื่อประกอบความพากเพียร หลีกไปเพื่อประกอบความพากความเพียร เพื่อความสงบระงับภายในใจ หลีกไปเพื่อทำความสงบภายในใจให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปนี่ หลีกไปเพื่อประกอบความพากความเพียรเพื่อความสงบภายในใจของเจ้าของให้เต็มสติกำลังความสามารถ ให้มุ่งในการหลีกเร้นในลักษณะนี้ อยู่ในวัดในวาอย่างนี้ ก็แสวงหาสถานที่หลีกเร้าได้ ถึงว่าจะอยู่ในกุฏิของเราตามลำพัง อยู่ ๆ ในกุฏิของเราก็หลีกเร้นได้ มุ่งในการเดินจงกรม ที่เดินจงกรมภายในกุฏิก็มี หลังจากนั้นก็นั่งสมาธิ พิจารณาอรรถธรรมไป ตามชั้นตามภูมิที่เราจะพิจารณา ให้แจ้งให้ชัดภายในจิตในใจของเราได้ จึงว่าให้พากันมุ่งในการที่จะเป็นไปในการสงบระงับภายในจิตในใจ ถ้าหากว่าเป็นอย่างงี้ ทางแห่งความเจริญของพระศาสนายังปรากฏอยู่


ลำดับที่ 012 เลขที่เทป 001/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290102 วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2529
การปรารภใจให้ถูกมันเป็นของสำคัญ การเที่ยว ถ้าหากว่าปรารภใจไม่ถึง ผลของการเที่ยว ไม่ค่อยได้ประโยชน์พอสมควร การปรารภใจให้ถูก ว่าตั้งใจจะไปเที่ยวประกอบความเพียร ตั้งใจจะไปหาสถานที่ภาวนา ตั้งใจจะไปหาสถานที่วิเวกจริง ๆ ตั้งใจจะไปหาสถานที่ประกอบความพากความเพียร การไปให้ตั้งใจอย่างนี้ การอยู่ก็ให้ตั้งใจอย่างนี้ เราพยายามทำความตั้งใจของเรา ในลักษณะนี้ อย่าให้มีความเปลี่ยนแปลง เจ้ากิเลสมันพยายามที่จะทำให้ใจของเราลด เราตั้งไว้อย่างนี้ มันก็ทำให้ล้มไปอย่างอื่นเสีย เราตั้งไว้ถูกไว้ดี การตั้งไว้ถูกตั้งไว้ดีนั้นหละ เรียกว่าใจของเรามีความเป็นธรรม แต่กิเลสมันพยายามจะล้มเสีย ซึ่งธรรมที่ตั้งไว้นั้น การเที่ยวไปหรือการอยู่ ให้แสวงหาความสงบวิเวกมันก็ล้มไปเสีย ไม่จริงจังในการที่จะแสวง

ลำดับที่ 013 เลขที่เทป 003/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290108 วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2529
การเที่ยวต้องทำใจให้ถูก การปรารภใจให้ถูกว่ามันเป็นของสำคัญ การเที่ยว ถ้าหากว่าปรารภใจไม่ถูก ผลของการเที่ยวไม่ให้เต็ม ไม่เป็นประโยชน์เท่าที่ควร การปรารภใจให้ถูกของตัว ตั้งใจจะไปเที่ยวประกอบความพากความเพียร ตั้งใจจะไปหาสถานที่ภาวนาตั้งใจจะไปหาสถานที่วิเวก แล้วก็รักษาความตั้งใจของเราไม่ให้เปลี่ยนแปลง ตั้งใจจะไปหาสถานที่ภาวนา ตั้งใจจะไปหาสถานที่วิเวก ตั้งใจจะไปหาสถานที่ประกอบความพากความเพียร การไปให้ตั้งใจอย่างนี้ การอยู่ก็ให้ตั้งใจอย่างนี้ เราพยายามทำความตั้งใจของเราในลักษณะที่อย่าให้มีการเปลี่ยนแปลงเสีย เราตั้งไว้ถูก ตั้งไว้ดี การตั้งไว้ถูกตั้งไว้ดี เรียกว่าใจของเราที่มีความเป็นธรรมตั้งขึ้น
ลำดับที่ 014 เลขที่เทป 013/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260227 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526
จึงว่าผู้ที่มุ่งแสวงหาสถานที่สงบระงับ หรือมุ่งในการหลีกเร้นหากโอกาสในการประกอบความพากความเพียร เดินจงกรมนั่งสมาธิให้ยิ่งเต็มสติกำลังความสามารถของเจ้าของอย่างนี้ ผู้นั้นเป็นผู้ที่มีความสงบอยู่แล้วภายในใจ จะมากหรือน้อยต่างมี ถ้าหากไม่มีเสียเลย มันจะอยู่ได้อย่างไร คนเราจะพอใจอะไร สิ่งที่พอใจต้องมี ถ้าหากว่าไม่มีไม่เห็นแล้วจะไปพอใจอย่างไร ผู้ที่พอใจในการหลีกเร้นอยู่ตามลำพัง ผู้นั้นเห็นคุณค่าของการหลีกเร้นแล้ว เห็นประโยชน์ของการทำใจให้สงบแล้ว เป็นของที่เป็นประโยชน์เป็นของที่มีคุณค่าแก่จิตแก่ใจจริง ๆ พอใจที่จะรักษา พอใจที่จะให้สงบยิ่ง ๆ ขึ้นไป ภายในจิตในใจนี้ ทางไหนที่จะเป็นไปห่างจากความสงบ ท่านก็หลีกเร้น พอใจในการหลีกเร้นเพื่อความสบาย พอใจในการทำจิตทำใจของเจ้าของให้ยิ่ง ให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปเป็นลำดับ

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2552

ข้อวัติปฏิบัติ 06 การใช้ผ้าจีวร ผ้านุ่งผ้าห่ม การซัก-ย้อม -ตาก

ข้อวัติปฏิบัติ 06 การใช้ผ้าจีวร ผ้านุ่งผ้าห่ม การซัก-ย้อม- ตาก
ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240313วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2524
พูดกันถึงว่าเครื่องห่ม เราก็ไม่ได้มีมากชุด ปีหนึ่งก็คิด แล้วก็ปีละชุด ๆ ๆ ถ้าหากว่าคิดแล้วสบงนี่ บางทีสามปีสองตัว สามปีมีใช้สองตัว ปีละตัวสลับกันไป เฉลี่ยแล้วก็ประมาณห้าปี นี้ใช้ผ้าสบง รู้สึกว่าจะไม่เกินสี่ตัว ถ้าจีวรก็รู้สึกว่าจะปีละ
ตัว เราใช้มันก็เรียกว่า ไม่ประณีตใส่นักหรอก ก็ใช้ไปทุกแห่ง ทุกสถานที่ เวลานอนก็ใช้ เวลานั่งก็ใช้ เวลาเดินจากวัดไปนั่นไปโน่น เข้าบ้านเข้าช่องก็ใช้ บางทีไปป่าไปภู นั่งรถนั่งราก็ใช้ ใช้ตัวเดียวกันตัวเก่านั่น สรุปแล้วอยู่กับวัดก็ผืนเก่า ออกนอกวัดก็ผืนเก่า ไปตลาดลาดลี กรุงเทพ ฯ กรุงไทย ถ้าหากว่ามีโอกาสได้ไปเมืองนอกเมืองนากับเขาบ้าง ก็ใช้ตัวเก่า ก็ใช้ได้อยู่ถึงขนาดนี้ เฉลี่ยแล้วตัวหนึ่งนี้ต้องได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งปี แล้วก็ส่วนผ้าสังฆาฏินี้ ถ้าหากว่าเนื้อมันเหนียว เนื้อมันพอดีใช้ได้ถึงห้าปีหกปีโน่นหนะ

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240313 วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2524
สังฆาฏิมันไม่ได้ใช้อะไรมาก ใช้เวลาวันอุโบสถ สิบห้าวันต่อครั้ง แล้วก็ใช้เวลาบิณฑบาต หรือกิจนิมนต์ก็เข้าไปในบ้าน บิณฑบาตใช้ทุกวัน กิจนิมนต์ก็เข้าไปในบ้าน อยู่วัดนี่ตามปรกติไม่ค่อยได้ใช้ เว้นแต่ว่าหนาวมาก ผ้าห่มไม่พอก็คลี่ผ้าสังฆาฏิออกมาห่มซ้อน สังฆาฏิคิดแล้วสามปี สี่ปี ห้าปีได้อยู่ นี่พูดกันถึงว่าในด้านเครื่องนุ่มห่มก็ใช้อย่างนี้

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 011/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 261220 วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2526
ท่านสรรเสริญผู้ที่มีจีวรคร่ำคร่า ยกย่องผู้ที่ถือผ้าสามผืน ท่านไม่ได้ยกย่องผู้ที่มีจีวรมีค่าอันสวยงาม ท่านไม่ได้ยกย่องผู้ที่มีจีวรเต็มกุฏิ มีแต่ท่านได้ตำหนิ จึงว่าเราอยู่ในสภาพที่พระศาสดายกย่อง หรือว่าอยู่ในสภาพพระศาสดาตำหนิ อันนี้ให้พากันเข้าใจให้พากันรู้จัก ในสภาพการเป็นอยู่ของเจ้าของ ถ้าหากอยู่ในลักษณะที่พระพุทธเจ้าท่านยกย่องท่านสรรเสริญ อันนั้นให้พอใจสภาพการเป็นอยู่อย่างนั้น แล้วก็พยายามรักษาไว้ เพราะชีวิตการปฏิบัติทางชีวิตนักบวชของเรา อุทิศต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้บวชเพื่ออุทิศให้เพื่อกิเลสของเรา

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
ผ้าสบงจีวรผึ่งก็ผึ่งนิดหน่อยก็พอ ไม่ต้องผึ่งมาก อย่าผึ่งตลอดมื้อตลอดวัน ผึ่งประเดี๋ยวประด๋าวถ้ามีแดดไม่ควรให้เกิน 10 นาที ไม่ต้องผึ่งนาน อย่างหนึ่งเวลาซักจีวรซักสบงเหมือนยังมีอยู่ผ่านตาอยู่ ที่ว่าตากไว้แห้งก็ไม่สนใจที่จะเก็บจนกระทั่งบางทีจะนอนเย็นก็ไม่รู้ดอก อย่าให้เป็นอยู่นั้น ผมไม่เป็นอย่างนั้นน่า ถ้าหากว่าซักผ้าซักแพรนี่ ต้องอยู่ต้องตากต้องดูต้องลูบต้องคลำ แห้งเก็บเรียบร้อยจึงไปที่พัก ผ้าอาบน้ำก็
เหมือนกัน เวลาผึ่งผ้าอาบน้ำผึ่งพอสมควร ก็พับเก็บไว้ให้เรียบร้อย ทำเรียบร้อยงามในตาเลยหนะ ไม่ใช่ว่าตากไว้จนกระทั่งถึงเวลาต้องการที่จะเอามาใช้ จึงเอามาใช้ ไม่ไหวจริงถ้าหากว่าเป็นอย่างนี้ ของเหล่านี้อย่าไปคิดว่าไม่เป็นข้อปฏิบัติ อย่าไปเห็นว่าไม่เป็นการขัดเกลากิเลส กิเลสมันคืออะไร มันตัวมักง่ายตัวอยากตัวโลเล ตัวขี้เกียจขี้คร้าน อืดอาดมันกิเลสทั้งนั้น เป็นการขัดเกลาค่อยบั่นทอนลงไป ค่อยบั่นทอนลงไป

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 999/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290808 วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2529
ผ้าสบงจีวรอะไรพอตาก ตากซะถ้ามีแดด ที่หลับที่นอนหมอนมุ้งเสื่อสาดเอามาผึ่งเอามาเคาะ บางโอกาสที่มีแดดดีก็เรียบร้อยเก็บผ้าอาบด้วย ผ้าอาบอย่าไปตากไว้จนกระทั่งตอนบ่าย ต้องการใช้จึงไปเก็บเอา ผ้าจีวรบางทีตากตั้งแต่เช้าไปหาบ่ายก็มี ถึงเวลาซักผ้าซักแพรก็เหมือนกัน อันนี้ก็ให้พากันสนใจซักผ้าซักตากแล้วอย่ากลับไปกุฏิ ถ้าหากว่ามีธุระจำเป็นจะกลับ กลับไปแล้วกิจแล้วก็ให้มาดูผ้าดูแพรของเจ้าของ หมั่นพลิกหมั่นดึง ตรงไหนมันหดตรงไหนมันยืดอะไร พลิกขยับ เวลาผ้าแห้งแล้วเรียบ ไม่ยู่ยี่ไม่เป็นรอยเชือกรอยเชือกตากลวด มันควรที่แล้วนี้ก็มีอยู่ไม่รู้ ผ้าของใครตากจนกระทั่งถ้าหากฝนตกก็เปียก บุญดีฝนไม่ตก

ข้อปฏิบัติ 5 การสำรวมระวังในความเป็นนักบวช สมณสารูป

หัวข้อย่อย 05 การสำรวมระวังในความเป็นนักบวช สมณสารูป

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 118/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2529
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปฏิบัติหน้าที่ของเรา ให้สมบูรณ์ในอิริยาบถทั้งสี่ อิริยาบถใด ๆ ในการเคลื่อนไหวใด ๆ ของเรานั้น มีความสมบูรณ์ทุกสิ่งแล้วหรือยัง หรือว่ายังมีความบกพร่องในอิริยาบถนั้น ๆ อยู่นี้ อันนี้เป็นเรื่องของเราที่จะรู้จักเราเอง การเคลื่อนไหวในการนั่ง การเคลื่อนไหวในการนอน การเคลื่อนไหวในการเดินในการยืน มีความบกพร่องไหม ในหน้าที่ของผู้ปฏิบัติธรรม หน้าที่ของนักบวช หน้าที่ของผู้ปฏิบัติธรรม ศรัทธาญาติโยมก็เรียกว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม เป็นผู้ปฏิบัติธรรมด้วยกันทั้งนั้น ให้มันสมบูรณ์ในหน้าที่ด้วยกันทั้งนั้น ในเมื่อสมบูรณ์ในหน้าที่แล้ว อรรถธรรมหากเกิดหากมีขึ้นที่ใจ ใจของเรานี้หากเป็นอรรถเป็นธรรมขึ้นมาเอง ไม่มีสิ่งที่จะเป็นอรรถเป็นธรรมมีแต่ใจของเราเท่านั้น จะเป็นอรรถเป็นธรรมขึ้นมานี้

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 118/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2529
นอนก็นอนอย่างพระนอน นั่งก็นั่งอย่างพระนั่ง การกินก็ให้กินอย่างพระกิน หรือพระฉันนี้ การขับถ่ายก็ให้มีการขับถ่ายอย่างพระขับถ่าย การอาบน้ำอาบท่าก็ให้มีการอาบน้ำอาบท่าอย่างพระสรงน้ำ ตลอดถึงทุกสิ่งทุกอย่าง การเกี่ยวข้องพูดจากปราศรัยนี้ ก็ให้มีการเกี่ยวข้องพูดจาปราศรัยซึ่งกันและกันอย่างพระคุยกัน อันนี้เป็นหน้าที่ของนักบวช หน้าที่ของผู้ปฏิบัติธรรม ศึกษาในหน้าที่ของเจ้าของให้เข้าใจ และปฏิบัติตามหน้าที่ของเจ้าของให้สมบูรณ์ถูกต้อง อย่าให้มีความขาดตกบกพร่อง ในเมื่อไม่มีความขาดตกบกพร่องแล้วนี้ ความสมบูรณ์หากเกิดขึ้นที่จิตที่ใจของเรา ถ้าหากว่ามีความขาดตกบกพร่องแล้ว ความบกพร่องหากเกิดขึ้นที่จิตที่ใจของเราเหมือนกัน มันไม่มีความสมบูรณ์ มันขาดมันบกพร่อง

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 118/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2529
เดินก็เดินอย่างเป็นพระ นั่งให้นั่งอย่างเป็นพระ เดินอย่างผู้ปฏิบัติธรรม นั่งอย่างผู้ปฏิบัติธรรมนี้ นอนก็ให้นอนอย่างพระ อิริยาบถทั้งสี่ ให้เป็นอิริยาบถในลักษณะที่พระท่านปฏิบัติกันนี้ การกิน การถ่าย การเกี่ยวข้อง การพูดจาปราศรัย การเกี่ยวข้องทั้งหมด ให้มีการเกี่ยวข้องในลักษณะพระอันนี้ เป็นหน้าที่ของพระจะต้องปฏิบัติ เป็นหน้าที่ผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องศึกษา ประพฤติปฏิบัติกัน การเดินทาง การนั่งรถนั่งรา ก็เหมือนกันนี้ ให้นั่งรถนั่งรา ก็นั่งรถนั่งราอย่างนักปฏิบัติธรรม นั่งรถนั่งราไปไหนมาไหน ก็นั่งรถนั่งราไปอย่างพระนั่งไป บางทีเหมือนขี้เหล้าก็มีนะ ดูก็มีแต่นักปฏิบัติธรรมเต็มรถเต็มรา เสียงอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้ แสดงว่าเป็นผู้ไม่มีสติสตังในการพูดคุยกันเสียเลยนี้ อันนี้ก็ต้องระวัง เพราะการปฏิบัติธรรมนี้ พระพุทธเจ้าท่านให้ปฏิบัติเสมอนะนี่ ปฏิบัติเป็นประจำ ไม่ใช่ว่านั่งรถนั่งราหละ ปฏิบัติธรรมแล้วเป็นบาป

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 050/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2526
ใจของเรานี่จึงเรียกว่ามีความสำคัญ ควรพากันระมัดระวัง ควรพากัน นี่ สำรวมใจของเราไว้ให้ดี ให้มีสติอยู่เสมอ สำรวมใจของเราไว้ในปัจจุบันนี่ ในเมื่อเรามีสติ สำรวมใจของเราไว้ให้ดี ในปัจจุบันนี้ อดีตมันก็จะดี เพราะวันคืนล่วงไปล่วงไป พรุ่งนี้มะรืนนี้ วันนี้ที่เรามีการระมัดระวังคุ้มครองรักษาใจของเราดี วันนี้ในเมื่ออีกหลายวัน วันนี้ก็จะกลายเป็นอดีต อดีตมันก็จะดี แล้วอีกนานอีกต่อไปข้างหน้า ในเมื่อเรามีการระมัดระวังรักษาใจของเราไว้ดีแล้ว หลายวัน ๆ เข้า กาลข้างหน้านานเท่าไรมันก็กลายเป็น ....อนาคต จะไกลสักเท่าไรมันก็กลายเป็นอนาคตที่ดี เป็นอนาคตที่ชอบธรรมแก่เรา เป็นอนาคตที่มีความเจริญก้าวหน้า ในด้านการปฏิบัติธรรมของเรา ไม่ต้องไปคาดคะเนเรื่องอนาคต กาลข้างหน้าเราจะไปยังไงนี่ กาลข้างหน้าเราไม่ต้องลังเลสงสัย นี่ ในเมื่อเรามีการปรับในปัจจุบันนี้ให้ดี เต็มสติความสามารถของเรา ความไม่ดีทั้งหลายอย่าให้มันมีขึ้น

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 022/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290613 วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2529
การปฏิบัติธรรม เราต้องพยายามทำความติดต่อ ในอิริยาบทใด ๆ เราต้องอย่าให้อิริยาบถนั้นมาทำลายกิริยาของการปฏิบัติ เราจะนั่ง เราจะลุก เราจะเดิน เราจะว่ารับประทาน ขับถ่าย พูดจาปราศรัย หรือในการลุก การนั่ง การนอน การรับประทาน การถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ต้องเป็นผู้ที่เป็นสติ ถ้าหากว่าเราเป็นผู้ที่มีสติ คือ การปรารถนา การปฏิบัติธรรมของเราอยู่ เราจะเป็นผู้ที่มีความสงบเรียบร้อย การเดินของเรา ก็จะเดินเรียบร้อย การนั่งของเราจะเรียบร้อย การพูดจาปราศรัยซึ่งกันและกัน ก็ออกมาในลักษณะที่เรียกว่า เป็นผู้ที่มีธรรม ออกมาในลักษณะที่เรียกว่าเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรม ถ้าหากว่าเราขาดสติแล้ว การเดินก็บอกว่าผู้ไม่มีธรรม การเดินก็บอกว่าไม่ใช่ผู้ปฏิบัติธรรม อิริยาบถใด ๆ ก็บอกว่าไม่ใช่ผู้ปฏิบัติธรรม การพูดจาปราศรัยซึ่งกันและกันก็บอกว่า ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติธรรม หรือบอกว่าเป็นผู้ไม่มีธรรม คือการไม่มีการกระทำภายในใจนั่นเอง ต้องเป็นผู้มีสติ ปรารภธรรม เป็นผู้ปรารภสติ ให้เกิด ให้มีขึ้น

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250717 วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
ผู้ที่บวชก่อน ผู้ที่บวชเก่าแล้ว ก็ให้ศึกษาในตัวของเจ้าของให้มาก ว่ามีความถูกต้องเรียบร้อย ไม่มีความขาดตก ไม่มีความบกพร่องแล้วหรือยัง หรือว่ายังไม่เรียบร้อย ยังมีความบกพร่องอยู่ อันนี้ก็ในเมื่อยังปรากฏอยู่ว่า ยังมีความบกพร่อง ก็รีบแก้ไขเสีย จะได้เป็นตัวอย่าง จะได้เป็นแบบแผน แก่ผู้ที่มาบวชมาเรียนทีหลัง ถ้าหากว่าผู้เก่าก็ไม่สนใจในการศึกษาในตัวของเจ้าของ ว่าสมควรที่จะเป็นแบบเป็นแล้วหรือยัง หรือยังมีความบกพร่องอยู่นี่ ถ้าหากว่าไม่สนใจละก็ ไม่มีโอกาสที่ความบกพร่องที่มีอยู่จะหมดไป แล้วทีนี้ผู้บวชใหม่ มาเห็นผู้บวชเก่ามีแต่ความบกพร่อง มีแต่ความบกพร่อง หนักเข้าลูกศิษย์ผู้บวชนี่ ก็เห็นครูเห็นอาจารย์ผู้บวชเก่า มีการกระทำในทางที่ไม่เป็นธรรมเป็นวินัย ก็คิดว่าการกระทำที่ไม่เป็นธรรมเป็นวินัยนั้นหละ เป็นการถูกต้องตามธรรมตามวินัย แล้วก็ทำตามกันไป ตามกันไป ลุกลามกันไปหน้า ใช้ไม่ได้ อันนี้มันเป็นทางแห่งความเสื่อมเสีย ทำลายข้อวัตรปฏิบัติ ทำลายศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยความบกพร่องของเจ้าของ ให้คนอื่นคิดว่าความบกพร่องของเจ้าของนั้นหละ เป็นธรรมเป็นวินัยอันถูกต้องแล้ว

ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 099/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290721 วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
ข้อวัตรปฏิบัติทุกสิ่งทุกอย่างต้องคล่องตัว อย่าเป็นผู้อืดอาด อย่าเป็นผู้ที่ล้าหลัง คำว่าคล่องตัวไม่ใช่แล่นไป ไม่ใช่กระโดดไป คำว่าคล่องตัวนี่ มันคล่องอยู่ตลอดเวลา แวววาวอยู่ตลอดเวลา ภายในจิตในใจนี่ ถึงเวลาทำข้อวัตรปฏิบัติอะไร ถึงว่าจะเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าเจ้าของอยู่ เจ้าของเห็น จะต้องช่วยกันทำ แม้แต่การล้างกระโถนการเช็ดกระโถนการเก็บกระโถน การอะไรก็ช่างต้องช่วยกันทั้งนั้นอย่าดูดาย การปัดการตาดก็เหมือนกัน ถึงเวลาหละ ต้องรีบทันทีอย่าไปอืดอาด อย่าเป็นคนหยาบ อย่าเป็นคนหลังแข็ง คำว่าหยาบคือยังไง ทำอะไรหยาบ ๆ นี่ตามันก็หยาบเพราะใจมันหยาบ ปัดตาดก็ไม่ แล้วปัดไปตรงไหน ถ้าปากว่าคนหลาย ๆ ปัดไม่แล้วดอก เหลียวดูตามหลังมันไม่แล้ว ปัดตรงนี้ตรงนั้นไม่ปัด ปัดตรงนั้นตรงนั้นไม่ปัด ทั้งที่เจ้าของผ่านไปนั่นหละนั่น ใจมันหยาบตามันก็หยาบ อย่าให้เป็นอย่างนั้น ต้องให้เป็นผู้ที่ละเอียดรอบคอบทุกสิ่งทุกอย่าง ตรงไหนพอเก็บตรงไหนพอกวาด ตรงไหนพอเช็ดตรงไหนพอปัด ตรงไหนพอถูตรงไหนไม่เป็นระเบียบตรงไหนไม่เรียบร้อย ไม่ต้องให้ใครมาบอก ตาของเรามี ใจของเรามีบอกเราเอง เป็นการฝึกเราให้เป็นคนมีหูมีตาเป็นการฝึกลักษณะคล้าย ๆ กับว่า คนไม่มีจิตไม่มีใจ จะต้องจูงกันไป เหมือนกับคนตาบอด

ลำดับที่ 008 เลขที่เทป 039/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260729 วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2526
จึงว่าการฝึกสติต้องฝึกไปในการสำรวม ในการเคลื่อนไหว ในตัวของเรานี่แหละ แม้แต่รับประทานอาหารนี่ เวลาเราหยิบขึ้นมาก็ให้รู้สึกตัว เราเอาใส่ปาก เราก็ให้รู้สึกตัวนี่ เราเคี้ยวเราก็รู้สึกตัว เราเคี้ยวนี่ก็ให้รู้สึกว่าเราเคี้ยว เราเคี้ยวนับว่าเราเคี้ยวกี่ครั้ง กลืนก็ให้รู้สึกว่ากลืน กลืนลงไปถึงไหน ๆ ถึงลำไส้ กระเพาะนี่ เราก็ให้มีสติตลอด ถึงว่าเราเอาเข้าไปใหม่ก็รู้ เวลาหยิบก็ให้มีสติ ให้มันหมุนอยู่ในความเคลื่อนไหวของเราจริง ๆ ในเมื่อมันหมุนอยู่ในความเคลื่อนไหวของเราจริง ๆ แล้ว โอกาสที่มันจะออกไปนอกธรรมนอกวินัยไม่มี ใจของเราอยู่กับธรรมจริง ๆ อยู่กับธรรมอยู่กับวินัยจริง ๆ อยู่กับธรรมวินัยนั้นก็คือ อยู่กับตัวของเรานี่หละ ออกจากตัวของเราแล้ว ออกจากธรรมวินัยทีเดียว

ลำดับที่ 009 เลขที่เทป 136/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 29091923 วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2529
คำว่าปล่อยใจ วันหนึ่ง ๆ เรามีการปล่อยใจกันกี่ครั้ง ตั้งแต่ลุกขึ้นมาจนกระทั่งไปบิณฑบาตแล้วก็กลับมา หลังจากฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างขาดสติกี่ครั้ง เราจะต้องสังเกตดูและตรวจสอบอารมณ์ ตรวจสอบจิตใจของเรา การปล่อยสติการลืมตัว คือการขาดความเป็นสมณะ ถ้าหากว่าเราไม่มีสติซะเลย ความเป็นสมณะจะเอามาจากไหน แล้วการที่จะก้าวเข้าไปถึงความเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า จะมีโอกาสก้าวเข้าไปถึงได้อย่างไร พากันระมัดระวังให้มากนะ ตลอดทั้งกินตลอดทั้งถ่าย ล้างบาตรล้างพก เอาบาตรไปเก็บบาตรหรือว่าตลอดถึงอาบน้ำสรงน้ำสรงท่า ทำข้อวัตรปฏิบัติใด ๆ อย่าปล่อยจิตอย่าปล่อยใจ ปล่อยจิตปล่อยใจแล้วจะเอาอะไรเป็นสมณะ

ลำดับที่ 010 เลขที่เทป 999/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 281105 วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528
ธรรมในที่นี้ หมายถึงสติก็เป็นธรรมะ ใจของเราถ้าหากว่าขาดสติเป็นธรรมเครื่องคุ้มครองแล้ว ใจของเรานี่ชอบจะผลิตอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ใคร่จะถูกต้องนัก ใจของเราในเมื่อมีสติเป็นธรรมเครื่องคุ้มครองแล้ว จะนึกจะคิดจะอะไรต่อมิอะไรนี่ ชอบอยู่ในขอบเขตของความเป็นธรรม ธรรมะเป็นสติเครื่องคุ้มครองจิตใจ จึงว่า เราควรฝึกใจของเราให้มีสติ จะนั่งอยู่ก็ให้มีสติระลึกว่าเรานั่ง เราจะลุกก็ให้มีสติว่าเราลุก เราเดินก็ให้มีสติว่าเราเดิน ให้มีสติทุกอิริยาบถให้มีสติเป็นประจำ ไม่ลืมไม่ขาดสติ ในเมื่อเราไม่ลืมไม่ขาดสติ เราจะอยู่ในอิริยาบถใด เรามีธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองใจเรา เพราะจิตมีสติเป็นธรรมเครื่องคุ้มครองนั้นจะไม่เสียหายได้ เพราะสติจะบัญชาจิตใจของเรา ให้มีความคิดความอ่านไปในทางนอกลู่นอกทางนอกธรรมนอกวินัยไม่ได้ มีแต่ที่จะตรงแน่วต่อธรรมต่อวินัยต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น จึงให้พากันฝึกสติ ทำให้ใจของเรามีสติเป็นประจำ นั่งอยู่เดี๋ยวนี้ก็ให้มีสติ มีสติอยู่ที่จิตมีสติอยู่ที่ใจของเรานั่น

ลำดับที่ 011 เลขที่เทป 999/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 281105 วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528
เราจะเหลียวซ้ายเหลียวขวาก็ให้มีสติว่าเราเหลียวซ้ายเหลียวขวา มือเท้าของเรามีการขยับเขยื้อนทางมือทางเท้านั้น เราจะมีการขยับเขยื้อนส่วนทางร่างกายทางไหน ก็ให้มีสติรู้การขยับเขยื้อนร่างกายของเรานั้น คนเราถ้าหากว่ามีสติเป็นธรรมเครื่องคุ้มครองจิตใจอยู่ เป็นคนเรียบร้อยงดงาม งดงามในทางเรียบร้อย งดงามในทางมรรยาท ถ้าหากว่าไม่มีสติแล้ว แม้แต่เดินก็ไม่รู้จักว่าเจ้าของเดิน พูดก็ไม่รู้จักว่าเจ้าของพูด เดิน ตึ่ง ๆ ตั้ง ๆ เท้ากับหู มันก็อยู่ด้วยกันอยู่ใกล้กัน บางทีคนอื่นเค้าอยู่ตั้งไกลเค้าก็ยังได้ยินว่าเดินดังจริง ๆ ไอ้เท้ากับหูมันก็อยู่ใกล้กันห่างกันก็ไม่เกินสี่ศอก อยู่ใกล้กันขนาดนี้มันก็ยังไม่ได้ยินว่าเจ้าของเดินดังนะ คนเค้าอยู่ไกลตั้ง 10 วาว่า โอ้ ใครเดินนะ บางทีเหลียวไปดู เจ้าของหนะไม่รู้ว่าเจ้าของเดินดังเสียอีก เพราะการเดินไม่มีสิต จึงว่าสติเป็นธรรมเครื่องประดับคนให้งาม คนไม่มีสติเป็นธรรมเครื่องคุ้มครองจิตใจแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีซะเลยหละ เรียกว่าคนบ้า

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

ข้อปฏิบัติ 4 ความอ่อนน้อมถ่อมตน การเพ่งโทษผู้อื่น ทิฐิมานะ

ข้อปฏิบัติ 4 ความอ่อนน้อมถ่อมตน การเพ่งโทษผู้อื่น ทิฐิมานะ
หัวข้อหลัก 02 ข้อปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น
หัวข้อย่อย 04 ความอ่อนน้อมถ่อมตน การเพ่งโทษผู้อื่น ทิฐิมานะ

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 027/41 ชื่อแฟ้มข้อมูล 410510 วันที่เทศน์ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2541
คำว่าละบาป ๆ ๆ ๆ ละอกุศล ก็คือละตัวที่มองคนอื่นไม่ดี ๆ ๆ นั่นหละ เค้าไม่ดียังไงมันก็เป็นธรรมชาติของเขา เขาไม่ดียังไงมันก็เป็นเรื่องของเขา ไอ้เราที่ไปมองเขาอย่างนั้นต้องระวัง มอง ๆ ไปอย่างนั้น มองอย่างนั้นแล้วอกุศลมันเกิด ความไม่ชอบใจเรียกว่าบาปมันเกิดขึ้น ในเมื่อบาปมันเกิดขึ้นอย่าไปมอง มองกันในแง่ดีเสีย ถ้าหากว่ามองในแง่ดีมันมองไม่ได้เราอย่าไปสน นี่มองเราเสมอดีที่สุด เป็นข้อปฏิบัติ มองเราเสมอนั่นหละเรามีการปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ ขณะที่เรามองเรานี่ ศีลก็รวมอยู่ที่ใจ ถ้าหากว่าเรามองเราให้มาก สมาธิก็รวมอยู่ในเรา ปัญญาก็เกิดในการที่เรามองเรา มองเราเราก็รู้ มองเราเราก็อ่านออก ศีลคือการสำรวมก็คือการสำรวมอยู่ในเรา เรามองอยู่ ๆ ใจของเราก็ไม่ออกไปเกี่ยวข้องข้างนอกนี่ ท่านจึงว่าศีลสมบูรณ์ ศีลสมบูรณ์มองเราอยู่เสมอ ๆ สมาธิมันก็สมบูรณ์ขึ้นมา คือไม่ออกไปเกี่ยวข้องข้างนอก ในเมื่อไม่ออกไปเกี่ยวข้องข้างนอกนี่ มันก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ในสิ่งที่เรามองเราอยู่เสมอนั้น

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 005/289 ชื่อแฟ้มข้อมูล 280601 วันที่เทศน์ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2528
ความสามัคคีหากเกิดขึ้นหากมีขึ้น เพราะต่างก็มุ่งในการที่จะแก้ปัญหาของเจ้าของ ต่างก็มุ่งในการที่จะแก้ปัญหาเจ้าของ ไม่มุ่งที่จะแก้ คนนั้นเป็นอย่างนั้น ๆ ผู้นั้นเป็นยังงั้น มีแต่ติฉันติท่านติข่อยอยู่ มันก็มีแต่แตกแยกเป็นพรรคเป็นพวกเป็นหมู่เป็นคณะ ถึงจะอยู่ร่วมกัน มันก็ไม่เป็นหมู่เป็นคณะเดียวกัน เพราะความแตกแยกภายในจิตในใจ จะกินด้วยกันนอนด้วยกันยังไงก็ช่าง ถ้าหากว่ามีข้อปฏิบัติไม่สม่ำเสมอกันแล้วนั้นหละ หมายความว่าความแตกแยกมีขึ้นเกิดขึ้น ณ สถานที่นั้นแล้วกลุ่มนั้นแล้ว จึงว่าพากันเจข้าใจในเรื่องเหล่านี้จึงจะเป็นไปเพื่อความเจริญของการปฏิบัติธรรมของเราเอง ถ้าว่าไม่เข้าใจในเรื่องนี้แล้ว จะมุ่งเพื่อความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมซักเท่าไรก็ช่าง ยังมองไม่เห็นทางที่จะก้าวหน้าไปได้ เพราะสิ่งที่จะกีดขวางความก้าวหน้านี่มันมากเหลือเกิน มุ่งในการแก้เจ้าของอยู่ตลอดเวลา อะไรเกิดขึ้น แก้ แก้ แม้แต่ทิฐิความเห็นว่า บุคคลนั้นเป็นอย่างนั้น ๆ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ควรแก้ สิ่งใดเกิดขึ้น เราต้องรู้ว่าอันนั้นเป็นของเกิดขึ้น

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 005/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 280601 วันที่เทศน์ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2528
จึงว่าคำว่ากิเลสอย่าว่าเขาโง่ เขาแสนที่จะฉลาดแหลมคม เล่ห์เหลี่ยมอุบายของเขาแต่ละอย่าง ๆ นี่ ยากที่เราจะรู้จักรู้ทันเขา อะไรเล่าที่เรียกว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมที่เรารู้ไม่ทันก็คือทิฐิ ก็คือความคิดความเห็นที่เกิดขึ้นภายในจิตในใจของเรานี้ บางทีทันเห็นว่าถูกต้องจริง ๆ เหมาะสมจริง ๆ จะต้องเป็นอย่างนี้จริง ๆ คนที่ไม่เป็นอย่างนี้คือคนใช้ไม่ได้ ตัวนี้เป็นทิฐิตัวร้าย ถ้าเกิดขึ้นในจิตใจของบุคคลใด รีบแก้ไข ถ้าหากว่าไม่รีบแก้ไข บุคคลนั้นผู้ปฏิบัติธรรมนั้นจะเอาตัวไม่รอด ต้องแก้ให้ได้ ถ้าหากว่าแก้จิตแก้ใจของเจ้าของได้แล้ว แก้ทิฐิมานะของเจ้าของได้แล้ว โลกทั้งหลายดีหมด ไม่มีการติไม่มีการชม ไม่มีการยกโทษยกโพยซึ่งกันและกัน ถึงจะมีการติชมก็เพื่อความหวังดีต่อกัน มีการติการชมก็เพื่อการหวังดี ติชมก็ด้วยเมตตาธรรมไม่ได้ติชมเพื่อมุ่งความเสียหาย ถ้าหากว่าจิตใจของบุคคลนั้นแก้ทิฐิแก้มานะ แก้สิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยได้แล้ว ถ้าหากว่าแก้ไม่ได้นี่ไปติก็ผิดไปชมก็ผิด เพราะไอ้ตัวนั้นมันเป็นตัวผิดอยู่แล้ว มุ่งพากันแก้ตัวนี้ ต่างองค์ต่างรูปต่างนาม พากันแก้ทิฐิมานะของเจ้าของ คำว่าความแข็งกระด้างจะไม่ปรากฏ

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 072/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290720 วันที่เทศน์ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
ไม่ต้องคิดจะไปสอนคนอื่น เพราะเรายังมีเรื่องที่จะต้องสอนอีกมาก ให้มุ่งที่จะสอนเจ้าของอย่างเดียวก็พอแล้ว ในเมื่อต่างมุ่งที่จะสอนเจ้าของ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็จะเกิดขึ้นมีขึ้น เพราะต่างมุ่งที่จะสอนเจ้าของด้วยกัน ทางไหนเป็นทางที่ถูกที่ควร สอนเจ้าของให้พูดอย่างนั้น สอนเจ้าของให้ทำอย่างนั้น สอนเจ้าของให้กราบอย่างนั้น สอนเจ้าของให้ปฏิบัติอย่างนั้น อย่างนั้น สอนไปหมด เพราะเรา ๆ นี้ต้องสอนกัน ต่างคนต่างก็ต้องสอน มีความจำเป็นที่จะต้องสอนเจ้าของด้วยกันทั้งนั้น และต่างคนต่างหนักอยู่ หนักเต็มบ่า ในการสอนเจ้าของอยู่แล้ว จึงว่าอย่าให้คนอื่นที่เขาหนักบ่า มาเพิ่มความหนักที่จะมาสอนเรา จึงเพิ่มความหนักให้แก่ท่านผู้อื่นอีก เรียกว่า เป็นการแบ่งภาระ แบ่งเบาความหนักให้แก่กัน

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 175/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 291223 วันที่เทศน์ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2529
เรา ๆ ก็เหมือนกันนะ ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ความถูกต้อง ความผิดพลาดไม่มีนะ มีไหมหละบางที่มันก็มากอยู่ แต่ทีนี้เรามันผิดพลาด บางทีมันก็ยอมไม่ได้ หากโอกาสที่จะแก้ตัว แก้ตัวว่าผิดพลาดแล้วไม่ยอมผิดพลาดอันนี้
หนะ เป็นการไม่ถูกต้องเลย แก้ตัวด้วยการไม่แก้ตัว ด้วยการที่เรียกว่าไม่ให้ผิดพลาดอีก อันนี้ถูกต้อง คนที่มีความผิดแล้วยอมสารภาพผิด คนนั้นเป็นคนถูกขึ้นมาทันที เคยมี ท่านผู้หนึ่งทำอะไรผิดพลาดมากทีเดียว แล้วในที่สุดเขามาขอขมา ขอขมาเรา “เอาท่านไม่ต้องมาขอโทษหรอก ไม่มี่โทษให้ท่านหรอก สิ่งที่เป็นโทษก็ดี ไม่มีใครให้กันได้ สิ่งที่เป็นคุณก็ดี ไม่มีใครให้กันได้ ถึงจะมาขอสิ่งที่เป็นคุณก็ไม่มีคุณให้ได้นะ สิ่งที่เป็นคุณและสิ่งที่เป็นโทษนั้น มีแต่เจ้าของทำขึ้นเอง ไม่ใช่ไปขอกันได้” ขอขมาหลายสิ่งหลายอย่างเราก็มาได้ความคิด โอ.....คนที่มีความผิดนี่ ถ้าหากมีการยอมรับผิดแล้วคนนั้นเป็นคนถูกขึ้นมาเลย เรา ๆ ก็เหมือนกัน ในเมื่อมีการผิดพลาดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือด้วยความเผลออะไรก็ช่าง ยอมรับผิดอย่างกล้าหาญ จะทำยังไงทำ ลงโทษยังไงก็ยอม จะเฆี่ยนจะตีก็ยอม หรือว่าจะอะไรก็ยอมหมดทุกอย่าง ยอมด้วยความสัตย์ซื่อ ยอมด้วยความบริสุทธิ์ใจ กลายเป็นบุคคลถูกขึ้นมา กลายเป็นบุคคลน่าสงสารขึ้นมาทันที นี่ก็เหมือนกันนั้นหละ ใครถ้าหากมีความบกพร่อง มีความผิดพลาดบ้าง ก็ยอมรับผิดเสีย แล้วกลายเป็นถูกขึ้นมาเลย ถ้าหากว่าผิดแล้วยิ่งเถียงให้เจ้าของถูก อันนี้ ๆพูดถึงแล้วก็แย่มากทีเดียว

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 002/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 280721 วันที่เทศน์ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2528
ถ้าหากว่าเราคอยยึดอันนั้นคอยเก็บอันนี้ คอยหาโอกาสที่จะไปหยิบไปยกแต่โทษคนนั้นคนนี้ เราก็จะได้แต่โทษ เราคอยหยิบคอยยกแต่โทษของคนอื่น แม้แต่โทษของคนอื่นก็ช่าง เราไปหยิบไปยกไปยึดเข้า โทษอันนั้นก็เป็นของเรา ที่ว่าเป็นของเราคือมันมาอยู่ในใจของเรานี้ ทำให้ใจของเราขุ่นข้อง ทำให้ใจของเราเศร้าหมอง ทำให้ใจของเราไม่สบาย ทั้ง ๆ ที่เราไม่ต้องการความเศร้าหมอง ความขุ่นมัวหรือความไม่สบายใจ เพราะมันเป็นเรื่องของอกุศล
ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 007/27 ชื่อแฟ้มข้อมูล 270316 วันที่เทศน์ 16 มีนาคม พ.ศ. 2527
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้มีความนอบน้อม เราก็ทำความนอบน้อมเสมอ อย่าแข็งกระด้าง นี่ คำว่าแข็งกระด้างมันเป็นเรื่องของกิเลส ความแข็งกระด้างเป็นเรื่องของทิฐิมานะ ธรรมะไม่มีความแข็งกระด้างเลย ธรรมะไม่สร้างความแข็งกระด้างให้แก่บุคคลใด มีแต่สร้างความนอบน้อม สร้างความอ่อนน้อม สร้างความงดงามให้แก่บุคคลผู้ที่มีธรรมะเท่านั้น นี่มีแต่กิเลสเท่านั้นที่จะสร้างบุคคลให้มีแต่ความแข็งกระด้าง นั่งก็นั่งแข็งกระด้าง เดินก็เดินแข็งกระด้าง การกราบพระกราบเจ้าก็มีแต่แข็งกระด้าง การจะพูดจาปราศรัยก็มีแต่ความแข็งกระด้าง ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำอย่างไรเราจึงจะละกิเลสทำตัวแข็งกระด้างได้ เราก็ตั้งใจ เราทุกสิ่งทุกอย่าง มีสติในทุกอิริยาบถ ในการเดิน ในการยืน ในการนั่ง ในการนอนแล้วนี่ กิริยามารยาทการเคลื่อนไหวของเรา ที่ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่นั้น จะเป็นกิริยามารยาทที่มีความอ่อนน้อม สร้างเราให้มีความเรียบร้อยงดงาม เดินก็เดินงาม นั่งก็นั่งงาม นอนก็นอนงาม พูดจาปราศรัยมีแต่ความงามในตาในหู ไม่ขัดนัยน์ตา เดินไปทางไหนจะนั่งตรงไหน กิริยามารยาทไม่ขัดนัยน์ตา ฟังพูดจาปราศรัยก็ไม่ขัดในหู เพราะธรรมไม่ทำให้ขัดหู ไม่ทำให้ขัดนัยน์ตา มีแต่กิเลสเท่านั้นทำให้ขัดหูขัดตา

ลำดับที่ 008 เลขที่เทป 003/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 280726 วันที่เทศน์ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2528
คำว่าทิฐิมานะตัวนี้เราให้มีการระมัดระวัง ถึงว่ากิเลสมันจะพยายามแสดงออกมาเราก็ข่มมันไว้ เราต้องทำจิตทำใจของเราให้อ่อนน้อม ความอ่อนน้อมนั้นหมายถึง ความเป็นธรรมในจิตในใจ ใจจึงอ่อนน้อมได้ ถ้าหากว่าใจของเราแข็งกระด้าง แข็งกระด้างก็ด้วยอำนาจของกิเลส กิเลสมันเจ้ามาในจิตในใจแล้ว มันทำให้จิตใจของเราแข็งกระด้าง เราก็ทำให้ใจของเราอ่อนน้อมเสีย ในเมื่อทำให้ใจของเราอ่อนน้อมเมื่อไรได้แล้วนี่ ไอ้ตัวกิเลสความแข็งกระด้างก็หมดไปจากจิตจากใจของเรา ใจของเราก็เป็นใจที่อ่อนน้อมขึ้นมาได้ หัดทำจิตทำใจของเราให้อ่อนน้อมให้มาก
ลำดับที่ 009 เลขที่เทป 021/41 ชื่อแฟ้มข้อมูล 410329 วันที่เทศน์ 29 มีนาคม พ.ศ. 2541
ความชนะทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการชนะตนเองเป็นการชนะเลิศ ส่วนมากคนทั่ว ๆ ไปพอใจในการชนะคนอื่น ไม่เคยคิด ไม่สนใจในการที่จะเอาชนะตนเอง การคิดที่จะเอาชนะคนอื่นนั้นเป็นการแพ้ตนเองแล้ว คิดที่จะชนะคนอื่นนั้นก็ทำให้เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะการแพ้ตนเอง คำว่าตน ๆ ในที่นี้หมายถึง ใจของเรา ให้ใจอยู่ในโอวาทของเรา เราอบรมสั่งสอนจิตใจของเราได้เรียกว่า เราชนะเรา ในเมื่อเราชนะเราได้แล้ว เป็นการชนะคนอื่นโดยไม่มีความต้องการ โดยไม่มีความปรารถนาที่จะไปชนะใคร การชนะตนเอง พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้เป็นการชนะเลิศ เรา ๆ เองมีอะไรที่เราจะต้องต่อสู้ มีอะไร ๆ ที่เราจะต้องเอาชนะเรา และชอบมีอยู่เสมอ ๆ ความพยายามที่จะเอาชนะเราจึงต้องมีความพยายามอยู่เสมอ ในเมื่อเราชนะเราได้แล้ว เพราะความพยายามของเรามีพอ ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติปัญญา เราก็เป็นผู้ที่ชนะเราเองได้ ชนะเราเองได้อยู่เป็นสุข

ลำดับที่ 010 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่เทศน์ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
จึงว่าให้ฝึกเจ้าของ ให้ทำความอ่อนน้อมซึ่งกันและกัน ถึงว่าจะเป็นผู้ใกล้กัน อาวุโสกันเอาให้เจ้าอ่อนน้อมไว้ พูดจาปราศรัยพนมมือ พอพนมมือขอไหว้ก็พอ ไปมาหาสู่ซึ่งกันและกัน ควรกราบก็กราบ ควรไหว้ก็ไหว้ ควรนั่งลงพูดจาปราศรัย มันไม่เป็นบาปตรงไหนดอก

ลำดับที่ 011 เลขที่เทป 040/41 ชื่อแฟ้มข้อมูล 410613 วันที่เทศน์ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2541
กิริยาความนอบน้อมมีขึ้นขณะใดขณะนั้น จิตใจเป็นบุญเป็นกุศล การทำความนอบนอ้มในจิตในใจขณะใด การทำการนอบน้อมนั้นหละเป็นมโนกรรมที่เป็นบุญเป็นกุศล เราต้องฝึกในการนอบน้อม และต้องฝึกการกราบการไหว้มาก ๆ เราไม่ได้กราบไม่ได้ไหว้เพื่อเอาอะไร เรากราบเราไหว้เพื่อให้ใจของเรามีความอ่อนน้อม ความอ่อนน้อมกับความแข็งกระด้างอันไหนดีกว่ากัน ความแข็งกระด้างหาความดีไม่ได้ มีแต่ความอ่อนน้อมเท่านั้นหละ อ่อนน้อมเท่าไรยิ่งมีความดีมากเท่านั้น คิดถึงพระมหากษัตริย์กับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ การเยี่ยมตาสีตาสาบ้านนอกบ้านนา คุกเข่าลงกับแผ่นดิน คุกเข่านั่งกับแผ่นดินจะว่าขี้ฝุ่นจะว่าลูกรังจะว่าอะไรก็ช่าง อันนั้นไม่ทำให้ความเป็นพระมหากษัตริย์ด้อยคุณภาพ ไม่ทำให้ความเป็นสมเด็จพระราชินีนาถนี่ลดคุณภาพลงไป มีแต่เสริมสร้างคุณภาพความเป็นพระมหากษัตริย์ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น จึงว่าความแข็งกระด้างไม่ได้เรื่อง จะต้องมีการหัดการกราบการไหว้ ทำใจของเราให้มีความอ่อนน้อมให้มากอยู่เสมอ

ลำดับที่ 012 เลขที่เทป 040/41 ชื่อแฟ้มข้อมูล 410613 วันที่เทศน์ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2541
คำว่าศักดิ์ศรี ๆ นี่ ถ้าหากว่ามีมากจริง ๆ แล้วไม่กลัวหมดนะ ที่มีน้อย ๆ นั่นหนะหวงกลัวจะหมด กลัวเสียศักดิ์ศรีกลัวศักดิ์ศรีหมดเพราะมันมีน้อยเหลือเกิน อันนี้ก็น่าเห็นใจ ของเขามีน้อยเขาก็ต้องหวงของเขา การหวงศักดิ์ศรี ๆ อันนี้บางทีมันยิ่งเสียนะ การที่มีศักดิ์ศรีแล้วไม่กลัวศักดิ์ศรีหมด การกระทำอันนั้นมีแต่ทางที่เป็นประโยชน์ มีแต่ทางที่เสียสละ มีแต่การให้การอ่อนน้อมถ่อมตนนี่ไม่ทำให้ศักดิ์ศรีที่มีอยู่ลดน้อยไปเลย ถึงว่ามีแต่เพียงน้อย ๆ ๆ มีแต่ที่จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น เรื่องศักดิ์ศรีเป็นอย่างนี้ จึงว่าการอ่อนน้อมถ่อมตนนี่จึงเป็นการปฏิบัติธรรม เป็นการปฏิบัติธรรมนะ พระพุทธเจ้าท่านก็สอนให้อ่อนน้อม ไม่มีทิฐิมานะ ไม่มีอติมานะ เป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้แข็งกระด้างถึงเป็นพระศาสดา พระพุทธเจ้าอ่อนน้อมอยู่ตลอดกาล พระสาวกของพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะพระสารีบุตรนี่อ่อนน้อมเป็นพิเศษทีเดียว พระเล็กพระน้อยอย่างนี้พระสารีบุตรก็ไม่เคยแสดงกิริยาที่เรียกว่าเห็นว่าเป็นเด็กเล็กเด็กน้อยไม่มี มีการอ่อนน้อมเสมอต้นเสมอปลายทีเดียว พระพุทธเจ้ายกย่องเป็นพิเศษในอาจาระความอ่อนน้อมของพระสารีบุตรนี่แล้ว ก็ไม่ทำให้ความเป็นอัครสาวกลดน้อยถอยลงไม่เป็นอย่างนั้น มีแต่เป็นที่ยอมรับ ๆ ๆ ของบรรดาสาวก ในบรรดาภิกษุรุ่นพี่และรุ่นน้องนี่ มีแต่เพิ่มความสำคัญมีแต่ที่ยอมรับยิ่งขึ้นไป

ลำดับที่ 013 เลขที่เทป 046/41 ชื่อแฟ้มข้อมูล 410623 วันที่เทศน์ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2541
เตือนเจ้าของอยู่เสมอ กระตุ้นเจ้าของอยู่เสมอ เทศน์เจ้าของอยู่เสมอ เจ้าของรู้จุดไหนควรแก้ไข เจ้าของตรงไหนควรแก้ไข ก็ต้องแก้จุดที่ควรแก้ไขของเจ้าของนั้น นี่เรียกว่า เตือนเจ้าของหรือจะเรียกว่าเทศน์เจ้าของ มีจุดควรแก้ไขก็ไม่สน ๆ ๆ นั่น ไม่เตือนเจ้าของไม่แก้ไขเจ้าของ แล้วก็ชอบไปแก้คนอื่น มองคนอื่นไปในลักษณะที่เรียกว่าไม่ถูกต้อง เป็นการยกโทษยกโพย เป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้น

ข้อปฏิบัต 3 หลังฉันน้ำร้อน ปัดตาด สรงน้ำ

ข้อปฎิบัติ 3
หัวข้อหลัก 02 ข้อวัตรสำหรับนักบวชลำดับที่ 001 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
หัวข้อย่อย 03 ข้อวัตรหลังฉันน้ำร้อน ปัดกวาด สรงน้ำ

การปัดตาดก็ให้ตั้งอกตั้งใจ ครูบาอาจารย์พูดเสมอ ดูพระดูเณรดูปัดตาด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างใจทำทั้งนั้น มันเป็นการกระทำของใจทั้งนั้น หากปัดตาดมันขี้คร้าน ปัดตาดมันก็ปัดหยาบ แล้วใจมันจะขยันใจมันจะละเอียดได้อย่างไร เพราะใจมันเป็นผู้นำ ไม่มีความจำเป็นอะไร ไม่มีความจำเป็นต้องไปคุยกัน ปัดตาด ชอบมีอยู่บางทีก็ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝนตกน้ำแรง ๆ ปัดตาด ปัดตาดไปตามริมห้วย พูดค่อย ๆ ก็ไม่ได้ยิน เอากันหมดเสียงดัง ๆ บางที อยู่ข้างบนก็ได้ยินเสียง พูดกันสองคนทำไมต้องใช้เสียงดังขนาดนี้ เรื่องของการลืมตัว ปัดตาดแล้วก็รีบไปสรงน้ำ สรงท่ากัน สรงน้ำสรงท่า เดินจงกรม
ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 107/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290730 วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
ฉันน้ำร้อนน้ำอุ่นกันแล้ว ฝนไม่ตกให้รีบกันปัดตาดทันที ปัดตาดก็ตั้งอกตั้งใจปัด

เป็นจริงเป็นจัง
ก็ให้กว้างขวางดูให้ทั่วถึง ไม่ใช่เดินไปดูตรงที่เพิ่นปัดแล้ว ไม่ใช่ ไปหาเดินไปดูที่มันไม่ต้องปัดนั่นแหละ กิเลสมันเป็นอย่างนั้น มันบอกให้เราอย่างนั้น มันบอกให้ไปอย่างนู่น ตรงไหนที่มันรก ๆ สักหน่อย มันไม่บอกให้ไปดอก ตรงไหนที่ต้องปัดต้องกวาดบ้างที่มันบอกหลีก เรื่องของกิเลสทั้งนั้น กิเลสมันสอน ในเมื่อมันเรียบร้อยแล้วก็ให้มันกว้างขวางไป ใจของเรานี้ดู นึกเอามันก็รู้ ดูให้มันกว้างขวาง มันแล้วเรียบร้อยหรือยัง หลังจาก เออ มันเรียบร้อยดี รีบสรงน้ำสรงท่าทันที เข้าทางเดินจงกรมของเรา
ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. การปัดตาดมันก็ปัดไปอย่างนั้น จะปัดไปตามหมู่ตามเพื่อนไป เห็นคุณค่าของการปัดตาดไม่มี บางทีถ้าหากว่าไม่เห็นคุณค่าของการปัดการตาดแล้ว ปัดตาดไปก็คุยกันไปก็มี แล้วมันจะเป็นข้อวัตรอย่างไร การปัดตาดไม่ตั้งจิตไม่ตั้งใจ ไม่ปรารภความสงบอันนั้นเป็นเรื่องของกิเลสแล้ว ในเมื่อเป็นแล้วไม่ใช่เป็นเท่านั้น เขายังแสดงอะไรต่ออะไรไปอีก การปัดตาดก็หยาบไม่ละเอียด คำว่าหยาบไม่ละเอียด คือยังไงปัดก็ไม่ทั่วไม่ถึง ลวก ๆ หยาบ ๆ ไปปัดไปสักแต่ว่า แล้ว ๆ เดินผ่านไปแล้ว ๆ ไม่รู้รีบไปไหน จะรีบไปสรงน้ำสรงท่า ไปเดินจงกรมก็ไม่ ถ้าหากว่าปรารภความสงบภายในจิตใจ หลังจากการปัดการตาดเรียบร้อยแล้ว รีบสรงน้ำสรงท่า แล้วจะต้องไปหาทางเดินจงกรม เพราะกลัวมันจำค่ำเสียก่อน แล้วกลัวเวลาจะหมดไป
ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 099/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290721 วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
ข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ นานา อย่าดูดายกัน แล้วก็ให้มีความพร้อมเพรียง ให้มีความตั้งอกตั้งใจในการประกอบความพากเพียรให้ยิ่งหลังจากการปัดตาดแล้ว อย่าไปสนใจอันอื่น สนใจแต่ทางเดินจงกรม ถ้าหากว่าฝนไม่ตก สรงน้ำสรงท่าแล้ว อย่าโลเลอย่าคอยหมู่อย่าเหลียวนั้นเหลียวนี่ ดูแต่ข้อวัตรปฏิบัติที่มันผ่านไปแล้ว เสร็จข้อวัตรปฏิบัติรีบอาบน้ำทันที อาบน้ำทันที อาบก็รีบ ไม่ใช่ว่าอาบจนเกินใช้เวลาเกินพอดี หลังจากนั้นก็รีบเข้าทางเดินจงกรม ถึงจะมีการประชุมรึไม่ประชุมนี่
อันนี้ก็อีกส่วนหนึ่ง เดินจงกรมแล้วก็ขึ้นไหว้พระสวดมนต์บนกุฏิ นั่งสมาธิต่อ หรือว่าเดินจงกรมแล้วฟ้าฝนไม่ตก อากาศมันดี จะเอาเสื่อ เอาผ้าเก่าไปปูนั่งตามหินตรงนั้นตรงนี้ก็ได้

การยกเลิกระบบเตือนถ้าเราไม่ได้ใช้วินโดว์สแท้ (Windows Genuine Advantage) ดูจากบอร์ด ของ ที่นี่

การยกเลิกระบบเตือนถ้าเราไม่ได้ใช้วินโดว์สแท้ (Windows Genuine Advantage) ดูจากบอร์ด ของ ที่นี่

http://www.mrpalm.com/board/view_board.php?id=76399
ความเห็นที่ 4

Link นี้จะตรงเป้ากว่า...
www.softpedia.com/get/Tweak/Uninstallers/RemoveWGA.shtml

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2552

ยกเลิกระบบเตือนถ้าเราไม่ได้ใช้วินโดว์สแท้ (Windows Genuine Advantage)

การยกเลิกระบบเตือนถ้าเราไม่ได้ใช้วินโดว์สแท้ (Windows Genuine Advantage) ดูจากบอร์ด ของ ที่นี่

แล้วก็ทำตามความเห็นที่ 4 คือการไปโหลด โปรแกรมสำหรับลบ
เมื่อโหลดมาได้แล้วก็ติดตั้ง ทำตามง่าย ๆ แค่ คลิ๊กเดียวก็ลบได้แล้ว

วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2552

ข้อวัตร ปฏิบัติ 2






ข้อวัตร ปฏิบัติ 2
หัวข้อหลัก 02 ข้อวัตรสำหรับนักบวช
หัวข้อย่อย 02 ปลุกปลอบใจ กำราบพระเณร

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 037/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260724 วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2526
อย่าปล่อยตามบุญตามกรรมนี่ อย่าปล่อยตามมีตามเกิด ปล่อยตามบุญตามกรรมตามมีตามเกิด
น่ะ อันนั้นคนไม่มีความตั้งอกตั้งใจ คนไม่มีความพากเพียรพยายาม ในที่สุดมันก็ถูกปล่อยตามบุญตามกรรมนั่นหละ พระพุทธเจ้าท่านปล่อยอุเบกขานะ ท่านไม่ได้บีบบังคับใครไม่ได้ยื่นความดีให้กับใคร ปล่อยตามบุญตามกรรม เรียกว่าอยู่กับอุเบกขาญาณอยู่ตลอดเวลา เทศนาสอนอยู่เสมอ ๆ เทศนาสอนแล้วแต่ใครจะปฏิบัติตามหรือไม่ พระพุทธเจ้าท่านวางอุเบกขา คนไหนไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติขัดแย้ง พระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้ไปหยิบยื่นความชั่วความไม่ดีให้แก่เขา แล้วคนไหนปฏิบัติดีปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้หยิบยื่นความดีให้แก่เขา เขาผู้นั้นแหละเป็นผู้ที่หยิบยื่นความดีให้แก่ตัวเขาเอง จึงว่าการกระทำเป็นการสั่งสมโดยธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าใครจะประสิทธิ์ประสาทให้ พระพุทธเจ้าเอาความจริงอันนั้นมาเทศนา เอาความจริงนั้นมาบอกพวกเรา เราเชื่อ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ดีใจ เราไม่เชื่อ พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้เสียใจ นี่...ความเชื่อหรือความไม่เชื่อของเรา จะทำให้พระพุทธเจ้าดีหรือไม่ดีไปไม่ได้

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 069/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290607 วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2529
ไม่ต้องไปกลัวทุกข์กลัวยาก ไม่ต้องไปกลัวอดกลัวอยากดอก กลัวแต่เจ้าของนี้ว่าการประพฤติปฏิบัติธรรม จะไม่ถูกต้องอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านวางหลักเอาไว้ก็พอแล้ว ถ้ากลัว ๆ อย่างนี้ กลัวจะไม่มีเงินค่าไฟฟ้าหรือกลัวว่าไม่มีเงินค่าน้ำ กลัวจะไม่มีเงินค่าอันนั้นอันนี้อย่าไปกลัวเด็ดขาด ทำยังไงเราจึงจะไม่บกพร่องในหลักการที่พระพุทธเจ้าท่านวางไว้ กลัวความไม่ถูกต้อง กลัวความบกพร่องของเรา แล้วพยายามให้เรานี้อย่าให้มีความบกพร่อง ไม่มีความถูกต้องสมบูรณ์ กลัวความบกพร่องหรือกลัวความไม่ถูกต้องของเราให้กลัวอย่างนี้ อย่าให้มันมี พระพุทธเจ้าท่านมีบารมีมาก บารมีของพระพุทธเจ้าท่านหาประมาณมิได้ คนที่เรียกว่าเป็นลูกเป็นหลานของพระพุทธเจ้านะ อุดมสมบูรณ์หมด เพราะว่าพ่อเป็นคนมีบารมีทรัพย์สินหาประมาณมิได้ พูดกันถึงว่าเรื่องปัจจัยเครื่องอยู่เครื่องอาศัยนะ ไม่ต้องไปวิตกกังวลหรอก พระพุทธเจ้าเวลาท่านเป็นคนบวช ท่านสอนให้แสวงหาบิณฑบาตมาเลี้ยงด้วยลำแข้งลำขาของเจ้าของ แสวงหาผ้านุ่งผ้าห่มบังสุกุล และแสวงหารุกขมูลร่มไม้ แสวงหายามาบริโภคด้วยน้ำมูตรเน่า นี่...ให้พอใจในปัจจัยสี่เท่านี้ นิสสัยนี่ ... นี่...ให้พอใจเท่านี้

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240328 วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2524
ยอมเราว่าเราเป็นคนที่หนาแน่นกันเสีย หรือว่ามันจะเบาบางมันก็ไม่เสียหายอะไรดอก ข้ามเหนือเผื่อตกใต้ มีความพยายามให้ยิ่งไว้ดีกว่า คิดว่าเจ้าของเป็นผู้มีบุญ มีวาสนาบารมีแก่กล้า เบาบางมากแล้ว ปฏิบัตินิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ต้องทุกข์ไม่ต้องลำบากมากก็ได้ ถึงธรรมถึงวินัย ก็เข้าถึงธรรมถึงวินัย ก็สามารถที่จะพ้นทุกข์พ้นโทษไปได้ ความคิดอย่างนี้ ความเห็นอย่างนี้อันตราย ระวังใจของเราอย่าได้ไปคิดอย่างนี้ดีกว่า

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240908 วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2524
นั่งก็นั่งให้มันตาย อยู่ทำไม อยู่ไม่มีประโยชน์ มีแต่เท่านี้ เดินก็เดินให้มันตาย มันจะเจ็บจะปวด มันจะเหน็ดมันจะเหนื่อย มันจะขนาดไหนก็มันยังไม่ตาย นี่จึงเรียกว่าเป็นผู้ที่มีความเพียร แล้วผลของการมีความเพียรนี้หละ ผลจะปรากฏขึ้น ผู้ที่มีความเพียรไม่ปรากฏว่าผู้นั้นตายไปเลย มีแต่กิเลสเท่านั้นมันตาย ผู้ปฏิบัติมีความพากความเพียรไม่ปรากฏว่ามีใครตาย องค์พระพุทธเจ้าก็ไม่เห็นตาย ที่ตาย ๆ ตามธรรมชาติไม่ใช่ตายเพราะมีความพากเพียร กล้าแข็งขนาดไหน จริงจังขนาดไหน พระพุทธเจ้าจริงจังขนาดไหนไม่ปรากฏว่า พระพุทธเจ้า พระสาวกมากองค์มากเจ้า ล้วนแต่จริงจังในความพากเพียรเสียสละชีวิตชีวาแล้วทั้งนั้น เพราะไม่ปรากฏว่าพระสาวกอรหันต์องค์ไหนตาย มีแต่กิเลสเท่านั้นตาย ให้พากันเข้าใจ

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240817 วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2524
เสียสละมันลงไปชีวิตชีวาบูชาพระศาสนา ไหน ๆ ก็จะเกิดมาตายนี่ บูชาข้อปฏิบัติ ตายแน่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไหน ๆ จะตายก็เอามาบูชาเสีย ปฏิบัติธรรมะเสีย จะตายก็ให้ตายอยู่กับการปฏิบัติธรรม ถ้ามันจริงลงไปอย่างนี้หละ เดินจงกรมเหมือนเท้าไม่ได้เดินอยู่ในดิน นี่ นั่งสมาธิก็เหมือนกับไม่ได้นั่งอยู่กับพื้นนี่ เหมือนกับมันลอยอยู่ในอากาศโน้น พิจารณาอะไรนี่ใจมันคม ใจมันกล้า ใจมันรวดเร็ว ไม่มีที่มันทะลุปรุโปร่งไปหมดว่าอย่างนั้น ถ้าหากความจริงจังมันสมบูรณ์ขึ้นมาเต็มที่ สติมันก็สมบูรณ์ สมาธิมันก็สมบูรณ์ ปัญญามันก็สมบูรณ์ ท่านว่าอย่างนั้น ถ้าว่าสมบูรณ์ขึ้นมาเต็มที่แล้ว อะไรสมบูรณ์หมด ทะลุปรุโปร่งไปหมด

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240817 วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2524
นอนเราก็พากันนอนมามากแล้ว ไม่เป็นมันอิ่มสักที มันไม่อิ่มดอก มันก็เหมือนกับคนเป็นโรคผิวหนังนั่นหละ เป็นโรคผิวหนังหนะมันอิ่มในการเกาสักทีเมื่อไหร่ เกายิก ๆ ๆ พอแล้ว ประเดี๋ยวเกาอีกแล้ว ยก ๆ ๆ พอแล้ว ประเดี๋ยวเกาอีกแล้ว ยิก ๆ ๆ พอแล้ว แสบประเดี๋ยวเกาอีกแล้ว ยิก ๆ ๆ แล้ว จึงว่ามันไม่อิ่ม เป็นเรื่องของกิเลสตัณหา เรื่อไม่อิ่มเป็น ให้พากันเห็นโทษลงไป เหมือนกับสุนัขขี้เรื้อน เราจะพอใจเป็นสุนัขขี้เรื้อนกันอยู่เหรอ
ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240701 วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2524
พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอนให้เอาชนะใคร สอนให้เอาชนะเราเอง ชนะตนเองนั่นแหละเป็นดี สอนให้ชนะใจเรานี้ สอนให้ชนะเจ้าของนี้ พระพุทธเจ้าท่านก็ชนะท่านแล้ว ท่านจึงเป็นศาสดา เป็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ก็เหมือนกัน ท่านชนะแล้ว ท่านจึงเป็นศาสดา เป็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ก็เหมือนกัน ท่านชนะแล้ว ท่านจึงเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้า พระสาวกสอนตาม ๆ กันมาให้ชนะเจ้าของ เราก็พากันมีความอุตสาหะ พยายามในการที่จะต่อสู้เพื่อเอาชนะเราให้ได้ ชนะเราความขี้เกียจ เกียจคร้านก็เรา ขี้เกียจอันนี้เป็นมลทิน อันนี้เป็นกิเลส อันนี้เป็นเครื่องกั้นที่จะที่ให้เราไม่ได้ก้าวไปถึงความเจริญ

ลำดับที่ 008 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240429 วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2524
นั่งก็นั่งพอเป็นพิธี ไม่มุ่งในการที่จะแก้ความมืดมนอนตระการ เดินก็เดินเป็นพิธี ไม่มุ่งในการแก้จิตแก้ใจของเจ้าของ นานเข้าการเดินจงกรม การนั่งสมาธิ แก้จิตแก้ใจมิได้ ผลของการเดินจงกรม ผลของการปฏิบัติ นั่งสมาธิแก้ไม่ได้ หนักเข้าก็เลยไม่อยากนั่ง เดินจงกรม นั่งสมาธิ ปฏิบัติ เพราะไม่เห็นผล ไม่เห็นคุณค่าของข้อปฏิบัติ ทางแห่งความเสื่อมเสียคือ ความอ่อนแอ คือ ความไม่มีความจริงจังในทางปฏิบัติ อันนี้เป็นทางแห่งความเสื่อมเสีย เป็นทางแห่งการทำลายเจ้าของโดยตรง

ลำดับที่ 009 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240728 วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2524
ความเจริญมันเจริญขึ้นมาก เจริญในทางที่ไม่เป็นธรรมเป็นวินัย ข้อปฏิบัติที่เป็นธรรมเป็นวินัยก็เลยไม่พากันสนใจ เพราะมันเจริญแล้ว อะไรมันก็เจริญหมด เครื่องใช้ไม้สอยเจริญหมด ผ้าและสบงอุดมสมบูรณ์ สบู่ยาสีฟันอะไรต่อมิอะไรมีเลือกใช้ตามสบายเสียด้วย สังเกตที่ใช้กัน อาหารการบริโภคอันนี้ไม่ต้องพูดถึง ยาต่างก็มี กินจนกระทั่งอิ่มเต็ม ไม่มีที่จะใส่ ความเจริญมันเจริญอย่างนี้ มันก็ไม่เห็นคุณค่าของข้อวัตรปฏิบัติของความเจริญ ถูกความเจริญทับจิตทับใจ มืดมนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น มีแต่อยากกินกับนอน ทิฐิกิเลสตัณหามีแต่จะฟู ลืมตัว เจ้าของได้รับความสะดวกสบายเพราะอะไร อำนาจของพระศาสนา ที่อยู่ที่อาศัย ผ้า อาหาร ไม่ต้องซื้อ การอยู่การฉัน ยา อะไรทั้งหมด เจ้าของมีอะไรบ้างที่เป็นคุณธรรม คุณสมบัติ ตรวจดูในจิตในใจเข้า มันจะได้มีจิตมีใจสร้างคุณสมบัติให้มีขึ้น ปรากฏขึ้นในจิตในใจว่า เราเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ เป็นผู้ที่มีคุณธรรม

ลำดับที่ 010 เลขที่เทป 153/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290822 วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2529
นั่งไม่เก่ง ก็เดินให้เก่ง นั่งกับเดินก็เหมือนกัน นั่งก็นั่งทำจิตทำใจ เดินก็เดินทำจิตทำใจ เราไม่สะดวกในการนั่งเราสะดวกในการเดินก็เดิน เอาเดินให้มาก เมื่อยเดินก็ยืนเอา ยืนก็ยืนทำจิตทำใจ เดินก็เดินทำจิตทำใจ แม้แต่จะยืดหลังยืดเอวบ้าง ก็ทำจิตทำใจ นั่งก็นั่งทำจิตทำใจ เดิน ยืน นั่ง นอน เราทำจิตทำใจของเราเป็นการปฏิบัติธรรมทั้งนั้น ใจของเราอันเดียวนั่นเอง ในเมื่อเราเดินเหนื่อย เราเดินเมื่อย เรายืน ในเมื่อยืนพอสมควรเราเดินต่อ ในเมื่อเรายืนเราเดินมาก เหน็ดเหนื่อยเกินที่เราจะสามารถจะเดินจะยืนได้ เราก็นั่งตรงไหนก็นั่งได้ กลางวันก็นั่งได้ ร่มไม้ก็นั่งได้ ก้อนหินก็นั่งได้ เอาผ้าปูนิดหน่อย เอาเสื่อปูนิดหน่อย เจ็บมากนั่งพอสมควรก็เดินต่อ แต่การทำจิตทำใจของเรา การกระทำภายในจิตใจใจของเรา กระทำอยู่อย่างนั้นไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลง

ลำดับที่ 011 เลขที่เทป 173/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 291219 วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2529
จึงว่าข้อปฏิบัติทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเครื่องปลดเปลื้องสลัดออกอันนี้ ให้พากันเชื่อมั่น เชื่อมั่นในข้อปฏิบัติ เชื่อมั่นในเรา ในเมื่อมีความพากความเพียร ต้องสามารถที่จะปลดเปลื้อง สลัด หลุดออกไปจากจิตจากใจของเราได้ พากันมีจิตมีใจ อย่าพากันนอนให้เขาเหยียบคอ อย่างไรก็ไม่สน ใจเรามันเป็นพระ เป็นผู้ปฏิบัติ นี่ไปทำเหมือนคนตายมันไม่เข้าท่า เดินจงกรมมันจนแจ้งโน่น เดือนแจ้งเดือนสว่างอย่างนี้ ไม่ต้องเดินเอาอะไร เดินละกิเลสตัวมันขี้คร้านนี้ ตัวมันมักหลับมักนอน มันมีแต่ชอบหลับชอบนอน ไม่ต้องไปละกิเลสตัวไหน ไม่ต้องไปเอาอะไร เอาความสงบในจิตในใจยังไม่ต้องปรารถนา ละกิเลสตัวที่มันชอบหลับชอบนอน ตัวขี้เกียจขี้คร้าน ละกิเลสตัวนี้ก่อน

ลำดับที่ 012 เลขที่เทป 031/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260617 วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2526
อธิษฐานลงไป นั่งลงนี่ตั้งใจจะพิจารณาอย่างนี้ เดินนี่ตั้งใจจะพิจารณาอย่างนี้ วันนี้ตั้งใจไว้อย่างนี้ เดินจงกรมแก้ใจที่คั่งค้างอยู่เดี๋ยวนี้ ไม่ได้จะไม่ยอมเลิก นั่งสมาธิก็เหมือนกันนี่ ใจไม่สงบจะไม่ยอมเลิก นั่งสมาธิก็เหมือนกัน ไม่สว่างไม่ยอมเลิก มีความจริงจังอย่างนี้แล้วไม่ต้องสงสัย นี่ ที่มันสงสัย ที่มันสงสัย ที่มันเหลวไหล เพราะอะไร เพราะความไม่จริงจังของเจ้าของนั่นหนะมันเป็นอุปสรรค ถ้ามีความจริงจังแล้ว อุปสรรคของการปฏิบัติธรรมไม่มี ธรรมคือความจริงจัง มันจะเป็นจะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมได้ยังไง จึงว่าแค่ไหนเพียงไร ให้มีความจริงจังอยู่เสมอ เรามีโอกาสที่จะได้จริงจัง แค่ไหนเพียงไร ให้จริงจังตามสภาพที่เราจะจริงจังได้นั้น ผลของการปฏิบัติธรรมนี่ จะต้องได้รับทุกระยะทุกขั้นทุกตอนทีเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย

ลำดับที่ 013 เลขที่เทป 016/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290122 วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2529
สู้มัน เกิดมาทั้งชาติ ยกพระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา ยกพระธรรมเป็นอาจารย์ใหญ่ ยกพระสงฆ์เป็นอาจารย์ใหญ่เป็นผู้นำ เป็นธงชัย พระพุทธเจ้ายกเป็นธงชัย พระธรรมยกเป็นธงชัย พระสงฆ์ยกเป็นธงชัย บูชาชีวิตชีวามอบชีวิตชีวานั้น บูชาข้อปฏิบัติบูชาธรรม บูชาวินัย แม้แต่พระเทวทัตเอาส่วนที่เหลือบูชาคุณพระพุทธเจ้า พระเทวทัตก็ยังมีอานิสงที่จะได้สำเร็จเป็นพระปัจเจก อานิสงบูชาส่วนที่เหลือ แผ่นดินสูบนั้นยังสูบไม่หมด เราเอาชีวิตเอาร่างกายทั้งร่างกาย เอาจิตใจทั้งจิตใจไปบูชานี้ มันจะต้องมีอานิสงยิ่งกว่าพระเทวทัตมาก ดีไม่ดีนี้ จะสำเร็จมรรคผลในชาตินี้เสียอีก อย่าไปอ่อนข้อมัน

ลำดับที่ 014 เลขที่เทป 012/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290116 วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2529
วันหนึ่ง ๆ นี่เราทำอะไร เราต้องตรวจดูการกระทำของเรา วันหนึ่ง ๆ วันหนึ่งนี่ ตั้งแต่เช้าไปหาค่ำเราทำอะไร ตั้งแต่ค่ำไปหาสว่างเราทำอะไร การกระทำของเรานี้ถูกต้องกับการดำเนินชีวิตเป็นนักบวชของเราแล้วหรือยัง เหมาะสมในการที่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมของเราแล้วหรือยัง ก็ต้องเร่งเราอยู่ตลอดเวลา เร่งให้มุ่งมั่นจริงจังในการปฏิบัติธรรม ไม่เสียหาย มีแต่ความดีอย่างเดียว เราจะต้องสร้างจิตสร้างใจของเรานี้ ให้เป็นจิตใจที่มีธรรม ในเมื่อจิตใจของเรามีธรรมแล้ว จิตใจของเรานี่แหละ จะรวดเร็วทันกิเลส ถ้าหากว่าจิตใจของเราไม่มีธรรมแล้ว แล่นตามหลังกิเลสอยู่อย่างนั้น และพอใจในการที่แล่นตามเขาซะด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้า มีจิตมีใจพวกเรา เอาชนะกิเลสให้มันได้สักครั้งสองครั้ง ลองดู มันจะกินไม่กิน มันอยากนอนไม่นอนนี่ อันนี้ก็เป็นการชนะกิเลสแล้ว มันอยากเลิกนี่ไม่เลิกนี่ เลิกในการเดินจงกรมนี้ มันอยากเลิกไม่เลิก นั่งภาวนามันอยากลุกไม่ลุกนี่ มันเป็นการเอาชนะกิเลสทั้งนั้น

ลำดับที่ 015 เลขที่เทป 999/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 281211 วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2528
ขยี้มันลงไป ขยี้ตัวกิเลส จะไปเมตตาสงสารหัวมันทำไม เดี๋ยวมันเอาอันนั้นมาหลอก ๆ ๆ ๆ เดี๋ยวมันเอาอะไรต่อมิอะไรมาหลอก แม้แต่ของเน่าของเปื่อย มันก็เอามาหลอก ของเกิดมาตาย ๆ ๆ ๆ แสนที่จะสกปรก มันก็เอามาหลอก ด้วยตามืดตาบอดหูหนวกมันก็หลงไปหมด พอใจไปหมด เป็นมรรคเป็นผลไปหมด กิเลสมันว่าเป็นมรรคเป็นผลปรารถนากันทั้งโลก ปรารถนา ๆ มรรคผลที่กิเลสมันเอามาโกหก เอามาหลอกล่อ มันไม่เลือก ๆ ชาวบ้าน ชาววัด นักบวชฆราวาส เป็นกันทั้งโลก เทศนาสอนเจ้าของให้มันเป็น ด่าลงไปเลย ด่ากิเลส จะไปเมตตาสงสารหวงแหนมันไว้ทำไม ของอัปรีย์จัญไร นี่หละตัวกิเลสที่มันจะทำลายพระศาสนาเข้าใจมั้ย มีแต่ตัวกิเลสตัวนี้แหละที่จะทำลายธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีอะไรมาทำลาย

ลำดับที่ 016 เลขที่เทป 999/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 280703 วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2528
นั่น ! ... แล้วมันจะเป็นพระเป็นเจ้ากันได้อย่างไร จิตใจมันก็มีแต่อยู่กับอารมณ์สัญญา มีแต่จะพอกพูนให้หนาแน่น แล้วเอาตรงไหนเป็นพระ ตรงไหนเป็นนักบวช ตรงไหนเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ชาวโลกเค้าก็ยังมีอยู่ อารมณ์สัญญาที่หุ้มห่อจิตใจของเค้าก็ยังมีอยู่ ถ้าหากว่าเราจะเอาอารมณ์สัญญาที่หุ้มห่อจิตใจที่มีอยู่เป็นพระเป็นเจ้า เราไม่ต้องบวชไม่ต้องปฏิบัติกันดอก อยู่กับโลกเราก็มีอารมณ์สัญญาหุ้มห่อหนาแน่นได้อยู่ การที่อารมณ์ที่หุ้มห่อจิตใจของเรานี้ จะขาดจากจิตจากใจจริง ๆนี่ ต้องอยู่กับการพิจารณากรรมฐาน ต้องเข้าอยู่กับกรรมฐานจริง ๆ

ลำดับที่ 017 เลขที่เทป 999/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 280703 วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2528
ถือเรื่องนอก ๆ มีความสำคัญกว่างานการค้นคิดพิจารณากรรมฐานของเจ้าของ นั้นแหละคนประมาท ถ้าหากผู้ใดประมาทตายทั้งนั้น ไม่มีความปลอดภัยเลยชีวิตนักบวชนี่ ชีวิตการบวชเรียนไม่มีความราบรื่น ให้จริงจังลงไป ถ้าหากว่ารักในการที่จะมั่นคงในเพศนักบวช รักในการที่จะเป็นนักปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้านี่ ถ้าหากว่าพากันโลเลอยู่ในเมฆในหมอกหละ โกนผมให้มันเจ็บเฉย ๆ ไม่มีประโยชน์อะไรดอก ให้พากันเข้าใจว่าโกนผมให้เจ็บมันมีความหมายอย่างไร อย่าบวชกันเสียดีกว่า การบวชมันไม่ใช่ของเล่นนะ ถ้าหากว่ารักษาเจ้าของไม่ได้หละ มันไม่ใช่เสียหายเฉพาะเจ้าของนะ มันเสียหายสถาบัน มันเสียในวงการพระศาสนา มันเสียหายไปหมด หนักเข้าการบวชต้องการบุญต้องการกุศล การบวชกลายเป็นผู้ทำลายพระศาสนาไปในคราบนักบวชก็มี เราปรารถนาเราต้องการอย่างนั้นกันมั้ย ถ้าหากว่าพากันโลเลเหลวไหลหละ บวชก็มีแต่ทำให้เศร้าหมอง บวชมีแต่จะเห็นแต่บาป

ลำดับที่ 018 เลขที่เทป 114/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290819 วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2529
พวกเราไม่รู้ไม่เห็น แล้วใครเล่าจะรู้จะเห็น มีแต่นักบวชเท่านั้นที่เป็นผู้นำเขา ถ้าหากว่านักบวชไม่เป็นผู้นำแล้ว จะให้ใครนำเล่า นำออกจากที่คุมขังเราหนะนำเอง เรานำเป็นผู้นำ เราออกไม่ได้แล้วจะไปนำใครออกได้ เราไม่รู้จักทางออกแล้วจะไปนำคนอื่นออกถูกทางได้อย่างไร ต่างคนก็ต่างไม่รู้จักทาง ต่างคนก็ต่างไม่รู้จักทางก็นำกันไปตายเท่านั้น ต่างคนก็ต่างจะออกพ้นจากที่คุมขัง แต่ต่างคนต่างก็ไม่รู้ทางออกทางไหน พากันตายอยู่ในนี้หละพวกเรา แล้วตายจริง ๆ ด้วย ไม่มีโอกาสที่จะพ้นจากแผ่นดินอันนี้ ไม่มีโอกาสที่จะพ้นจากดิน น้ำ ลม ไฟ ก้อนนี้ ดิน น้ำ ลม ไฟ ก้อนนี้มันก้อนเกิดก้อนตาย ก้อนแก่ก้อนเจ็บก้อนตาย ไม่มีโอกาสที่จะพ้นได้ได้ดอก พากันหมุนอยู่ในก้อนนี้หละ

ลำดับที่ 019 เลขที่เทป 003/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290108 วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2529
วันหนึ่งไม่ได้เดินจงกรมสักครั้ง ไม่ได้นั่งภาวนาสักหน มันแย่มาก เรียกว่าเป็นผู้ประมาทมาก หล่อยให้กิเลสมันดึกมันลาก ลากไปนอก นอกธรรมนอกวินัย ลากออกนอกข้อวัตรข้อปฏิบัติ ลากออกจากที่นั่งภาวนา ออกจากที่ทางเดินจงกรมตรงที่ภาวนา มันไม่อยากทำให้นิ่ง ทางเดินจงกรมมันก็ไม่อยาก ให้ไปเดิน ทางเดินจงกรมมันเป็นล้า กิเลสมันก็ชอบให้มันล้า กิเลสมันชอบให้ล้ม กิเลสมันไม่ชอบทางเดินจงกรม ถึงจะมีก็เป็นทางเดินที่สกปรก ขรุ ๆ ขระ ๆ ไม่มีการแต่งให้เรียบร้อย กิเลสมันกลัว กลัวทางเดินจงกรม มันจะดึงพระผู้ประมาทให้ไปเดินจงกรมมันไม่ให้ทำซักที เดินหนีออกทางเดินจงกรม เดินหนีออกห่างจากทางเดินจงกรม ... เดินไปหาคุยกัน เดินไปหาทางไหนที่จะเป็นทางที่เรียกว่า พ้นจากการเดินจงกรม นั่งภาวนา หละมันดึงไปทางนั้น ไม่ต้องไปคิดถึงกาล ไม่ต้องไปคิดถึงสถานที่ กาลไหนสถานที่ไหนไม่มีส่วนช่วย
กาลสะดวกสบายหมด สถานที่สะดวกสบายหมด กาลว่าวันเวลา วันเวลา ไม่เห็นว่าวันเวลาไหนจะห้ามไม่ให้เราเดินจงกรมนั่งภาวนา

ลำดับที่ 020 เลขที่เทป 999/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290808 วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2529
หาอยู่หากินไม่คุ้มปากคุ้มท้อง อยู่ไปทำไมตายซะดีกว่า อย่าให้โลกเขาว่า หาอยู่หากินไม่คุ้มปากคุ้มท้องไม่ดีนี่ เขายังทำงานทำการตลอดคืนได้ ตลอดวันตลอดคืนทำงานทางโลก ทำงานทางโลกกิเลสเขาส่งเสริมสนับสนุน จึงว่าทำงานทวนกระแสของโลกมันต้องฝืน ชีวิตของการบวช ชีวิตของการปฏิบัติธรรมเป็นไปได้ยาก ให้พากันเข้าใจเอาไว้ แต่ต้องต่อสู้จริง ๆ หนักเบาเอาสู้จริง ๆ เสียสละชีวิตชีวาจริง ๆ คำว่าถอยหลังไม่มี ถอยหลังไปไหน ถอยหลังไม่ตายหรือ ถอยหลังแล้วมันไม่ตายหรือ ตายอยู่ในกองมูตรกองคูตร ตายอยู่ในกองกิเลสตัณหา มันเป็นเรื่องที่น่าสลดสังเวช ตายให้มันห่างจากกองมูตรกองคูตร มันเรื่องที่ควรแก่การสรรเสริญเป็นอย่างมาก ควรแก่การสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง จึงว่าคำว่าถอยหลังอย่าให้มันมี ในโลกอันนี้มันโลกเกิดมาต้องตาย ตายในกองมูตรกองคูตร หรือตายให้มันห่างไกลจากกองมูตรกองคูตรอย่างนั้นมันดีกว่ากัน ถามเจ้าของอยู่ตลอดเวลา

ลำดับที่ 021 เลขที่เทป 051/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290501 วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2529
ต้องเป็นผู้ที่ตื่นตัว ตื่นอยู่ตลอดเวลา อย่าหลับ ตื่นดูจิตดูใจ ตื่นที่จะเอาจิตเอาใจของเรา การหลับการประมาทการไม่สนใจที่จะเอาจิตเอาใจของเราให้อยู่ เอาจิตเอาใจของเราให้พ้นจากเหลือก จากตม ในลักษณะนี้คือการหลับ จะอยู่ในสถานที่ใด อยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ อยู่ในวัดอยู่ในวาหลับทั้งนั้น อย่าอยู่อย่างหลับให้อยู่อย่างตื่น อย่าไปถอยหลัง สิ่งที่เป็นข้าศึก สิ่งที่เป็นข้าศึกแก่จิตใจแก่ใจของเรานั้น มุ่งทำลายมันให้ได้ ข้าศึกอย่าไปถอยหลัง พากันตื่นตัวพวกเรา โลกเขาหลับกันมาก โลกเขาหลับกันทั้งโลก เราไม่ตื่นแล้วจะเอาใครที่ไหนตื่น คนอื่นเขาตื่นทั้งโลก เราหลับมันจะมีประโยชน์อะไร คนอื่นเขาพ้นจากโคลนจากตมกันทั้งโลก เราอยู่ในหมกในโคลนในตมจะมีประโยชน์อะไร พอใจอยู่ในโคลนในตมก็พอใจอยู่ในมูตรในคูตรนั้นเอง เทศนาสอนเจ้าของ มันจะเก่งกาจสามารถขนาดไหน ต่อสู้กัน เอ้า มันต้องอย่างงั้น ความจริงเป็นยังไงเอาให้รู้ให้เห็น ความจริงมันมีอยู่นี้ ความจริงไม่ใช่มันไม่มี ก็ต้องต่อสู้ มันต้องรู้ต้องเห็นได้ เพราะการที่จะรู้จะเห็นมี ในเมื่อความต้องการก็มีพร้อมที่จะทำให้เรารู้เห็น ไม่รู้ไม่เห็นไม่มีดอก
ลำดับที่ 022 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240817 วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2524
อย่าพากันคิดว่าเรายังปฏิบัติใหม่ เราอย่าคิดว่า เราปฏิบัติยังไม่ถึงขึ้นที่จะเป็นผู้ที่หมดกิเลสหมดตัณหา อย่าไปคิด คิดแต่เพียงแต่ว่าเราจะแก้สิ่งที่ใจของเราติดข้องอยู่เท่านี้ แก้สิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยมาเบียดเบียนจิตใจของเรา ไม่ให้เข้าถึงความสงบระงับได้สักที คิดที่จะแก้เท่านี้ แล้วก็มุ่งในการที่จะแก้เท่านี้ เท่านี้ก็เรียกว่าเป็นผู้ปฏิบัติ เท่านี้ก็เรียกว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม นี่ มุ่งในการกระทำอย่างนี้ชั่วขณะใดชั่วขณะนั้น เป็นผู้ปฏิบัติธรรมอย่างสมบูรณ์ นอนอยู่ในวัดอยู่ในวา บวชเป็นพระบวชเป็นเณร กี่ปีกี่เดือน กี่สิบปีกี่สิบเดือนก็ช่าง ถ้าหากยังไม่มีความจริงจังที่จะแก้สิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยให้แก่ใจแล้ว ยังไม่เรียกว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมเลยนี่ พากันเข้าใจ จริงลงไปแล้ว ผลของการกระทำจริงนี่มันแจ้งขึ้นมาจริง ๆ นะ