วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

หัวข้อย่อย 09 การไปมาหาสู่ คุยกัน เกี่ยวข้องกัน พูดจาปราศรัย การปฏิสันถารต้อนรับแขก

หัวข้อย่อย 09 การไปมาหาสู่ คุยกัน เกี่ยวข้องกัน พูดจาปราศรัย การปฏิสันถารต้อนรับแขก

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
พูดจาปราศรัยกัน ยังใช้คำพูดยังไม่ถูกตามหลักธรรมหลักวินัย เนื่องจากว่ายังมีความแข็งกระด้างกันมาก ถ้าหากว่าถามไม่เป็นพูดไม่เป็น อย่าไปพูดอย่าไปถาม ถ้าหากว่าจะถามเป็นพูดเป็น ต้องถามให้มันมีมรรยาท อย่าถามในลักษณะที่ว่าเดินผ่านพูดกัน การพูดต้องมีกิจลักษณะ เพิ่นเดินอยู่เราไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องไปพูดก็ไม่ ควรจะใช้เวลาเดินสวนกันพูด หรือว่าเดินตามกันพูด เวลาที่จะพูด เวลาที่จะถามมันมีเยอะแยะไม่อดไม่อยาก อันนี้ไม่ใช่เป็นการถือหากัน แต่สิ่งที่ควรถือธรรมะวินัย ไม่ใช่จะถือตัว การถือตัวถือตนเป็นสิ่งที่ไม่ควร แต่การถือธรรมถือวินัย เป็นสิ่งที่ควรถือเป็นอย่างยิ่ง จะพูดจาปราศรัยกับผู้หลักผู้ใหญ่ ควรที่จะยกมือขึ้นขอโอกาสเสียก่อน ท่านยืนอยู่ก็นั่งลงก็ได้ ถ้าหากว่ามีความจำเป็น ควรที่จะทักทายปราศรัย ควรที่จะพูดยกมือขึ้นประนมมือขอโอกาสดี

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
ผู้ใหญ่ต้องรู้จักเจ้าของ เป็นผู้ใหญ่ให้ระวังกิริยามารยาทของความเป็นผู้ใหญ่ ผู้น้อยก็ให้รู้จักเจ้าของ เป็นผู้น้อยแสดงความเป็นผู้น้อยให้มีความเหมาะสม เรื่องการถือรองเท้าใส่รองเท้าก็เหมือนกัน ถ้าหากว่ามันไม่จำเป็น พระพุทธเจ้าจะวางเป็นหลักธรรมหลักวินัยไว้ทำไม ผู้มีพรรษาน้อยไม่ถือรองเท้าไม่ใส่รองเท้า ผู้มีพรรษาน้อยใส่รองเท้า เณร บางทีครูบาไม่ได้ใส่นี้ อันนี้มันศาสนาของคนมีกิเลสหนา

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 091/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290714 วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
จึงว่าให้พากันระมัดระวังเรื่องการพูดจาปราศรัยซึ่งกันและกัน พยายามพูดกันให้น้อย และพยายามพูดกันให้เป็นสุภาษิต และเป็นอรรถเป็นธรรม สิ่งที่ไม่เป็นสุภาษิต สิ่งที่ไม่เป็นอรรถเป็นธรรม ไม่ใช่หน้าที่ของเราสมณะ หน้าที่ของเราบรรพชิตจะพูดกัน ถึงจะมีการบอกกล่าวตักเตือนกันบ้าง ก็ให้ตั้งความหวังดี ตั้งเมตตาเอาไว้ในจิตในใจเสียก่อน ถ้าหากว่ายังไม่มีการทำจิตทำใจ อย่าไปพูดอย่าไปตักเตือนซึ่งกันและกัน แล้วผลสะท้อนมันจะออกมาในลักษณะที่เรียกว่าไปทางลบ อันนี้มันอดที่จะเกิดมีขึ้นไม่ได้ เพราะต่างคนมันก็มีข้าศึก อยู่ในจิตใจของทุกคนอยู่แล้ว

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 028/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290312 วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2529
พระเล็กพระน้อย ก็ให้มีความเคารพซึ่งกันและกันตามระดับพรรษา เณรก็ให้มีความเคารพพระแม้แต่พระเล็กพระน้อยพึ่งบวชใหม่ ก็ให้มีความเคารพอย่าข้ามกลาย ทำความนอบน้อมในตัวของเราอยู่ตลอดเวลา ในลักษณะนี้เป็นผู้ที่สำรวมกายของเจ้าดีแล้ว ไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันนี่ ก็ไปมาหาสู่ที่เป็นธรรมเป็นวินัย ถ้าหากว่าผู้ที่ไปหามีอายุพรรษามากกว่า ก็ให้รู้จักว่าเราผู้ที่นั้นเป็นผู้ที่เจ้าของกุฏิ ก็ให้รู้ก็มีการปูเสื่อปูสาดอาสนะนี่ ขนาดไหนเพียงไรให้รู้จัก หรือไม่มีก็คล้าย ๆ กะมีการจัดการลุกขึ้นมีการปฏิสันถารมีความนอบน้อม ผู้ที่มีพรรษาน้อยกว่าไปหาผู้ที่มีพรรษามากกว่า แม้แต่ผิดกันเพียงหนึ่งพรรษาหรือสองพรรษา ก็ให้มีมีความเคารพไปก็ให้มีการกราบการไหว้ซึ่งกันและกัน การกราบการไหว้ซึ่งกันและกันนั้น เป็นการทำลายทิฐิของเราโดยตรง ทำลายทิฐิทำลายมานะทำลายทิฐิทำลายตัวมานะ ก็คือตัวกิเลสทำลายมันลงไป ทำความนอบน้อมเท่าไร เป็นการทำลายตัวทิฐิตัวมานะมากเท่านั้น แข็งกระด้างเท่าไร เป็นการเสริมสร้างตัวกิเลสมากเท่านั้น ให้มีความเคารพซึ่งกันและกัน การพูดจาปราศรัยอย่าคุยกันในลักษณะสนุกสนาน อย่าคุยกันในลักษณะที่เป็นเพื่อน บางทีก็มีแต่พวกเรา ๆ นี่ บางทีหละจะเป็นลักษณะคุยหยอกกันก็มี ไอ้เรื่องหยอกกันหนะมันศีลเศร้าหมองเข้าใจมั้ย มันใช้ไม่ได้ อย่าให้มันมีคำหยอกคำว่าเล่น ไม่ใช่เรื่องของพระ แม้แต่ชาวบ้านหยอกเล่นมันก็ยังไม่ดี อย่าให้มันมี

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250709 วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
การไปมาหาสู่กันที่ไม่จำเป็นก็ให้หลีก เพราะเราก็เรียกว่าไม่ได้มุ่งเพื่อไปมาหาสู่คุย สนทนาอะไรกัน ความมุ่งความประสงค์ของเรา เรียกว่าต่างคนต่างมุ่งมาเพื่อแสวงหาข้อปฏิบัติ แสวงหาความสงบ หลีกเร้นในการที่จะทำจิตทำใจ ในเมื่อมีเหตุมีความจำเป็น จึงไปมาหาสู่กันได้ ในเมื่อหมดเรื่องหมดราวที่จะพูดจาปราศรัยแล้วก็ ต่างคนต่างไปที่พัก ใจของเราบางทีบางขณะเขาไม่ชอบอยู่คนเดียว ที่เขาไม่ชอบอยู่คนเดียวนั่นหนะ เรียกว่าใจของเราถูกอกุศลครอบงำ มีความกระหายมีความร้อนรน เราให้รู้จัก ใจมีความกระหาย ใจมีความกระหายอันนี้ เขาก็เป็นของที่ดับเป็น เราให้ต่อสู้ด้วยการเดินจงกรม ต่อสู้ด้วยการนั่งสมาธิ เอาสมาธิเอาภาวนานี่ข่มเข้า เอาสมาธิเอาภาวนานี่ชนะเขา

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 118/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2529
การเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน เกี่ยวข้องอย่างเป็นพระเกี่ยวข้องกัน การไปมาหาสู่ดูเสียก่อนมีความจำเป็นมั้ย ถ้าหากว่าไม่มีความจำเป็นอย่าไปมาหาสู่กัน ต่างคนต่างอยู่ตามลำพัง เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนให้อยู่อย่างหลีกเร้นนี่ อยู่อย่างหลีกเร้น อยู่ตามลำพังทำความสงบ ปรารถนาความสงบภายในจิตในใจให้มีความวิเวกทางกาย ให้มีความวิเวกภายในจิตในใจ อันนี้พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนี้ ครูบาอาจารย์ก็สอนอย่างนี้ เราให้มุ่งในหน้าที่ของเรา ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกท่านสอนเอาไว้ ให้จริงจัง จึงว่าให้ตรวจตราดูการไปมาหาสู่ การเกี่ยวข้องมีความจำเป็นหรือไม่ และเป็นประโยชน์หรือไม่ ถ้าหากว่าไม่มีความจำเป้นในการที่จะเกี่ยวข้องกัน ไม่เป็นประโยชน์ในการที่จะเกี่ยวข้องกัน เราต่างองค์ต่างอยู่ ต่างองค์มีหน้าที่ปฏิบัติจิตใจของกันและกันแล้ว ก็ปฏิบัติจิตใจของเราตามลำพัง ในสถานที่พัก ในสถานที่วิเวก อันนี้เป็นการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง การเกี่ยวข้องอย่างพระเกี่ยวข้องกัน เกี่ยวข้องกันในลักษณะนี้ การพูดจาปราศรัยกันซึ่งกันและกันก็เหมือนกัน ให้พูดจาปราศรัยอย่างพระคุยกัน พระพูดกันคือ พูดกันอย่างไง อย่าลืมว่าเราเป็นพระ ให้มีความอ่อนน้อม ให้มีความอ่อนนุ่ม ในการพูดจาปราศรัยซึ่งกันและกัน อย่าพูดอย่างชาวบ้านคุยกัน อย่าพูดอย่างไม่มีสติ ถ้าหากว่าไม่มีสติลืมตัว มันก็เหมือนชาวบ้านดี ๆ นั้นเอง

ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
พูดกันอย่าง อย่างพระพูด ระมัดระวังคำพูดให้พอดีพองาม อย่าให้แรงเกินไป อย่าให้ค่อยเกินไป แรงเกินไปขนาดพูดอยู่ข้างบน ข้างล่างได้ยินแรงมากไป เพราะเราพูดให้คนข้างบนฟัง อย่าให้ค่อยจนกระทั่งเราต้องการพูดให้เขาฟัง พูดให้เขา พูดให้รู้เรื่อง อย่าพูดค่อยจนกระทั่งเขาไม่รู้เรื่อง หรือเขาไม่ได้ยินหละ ระหว่างที่พูดกัน ผู้ที่ฟังให้มีความอ่อนน้อมกันให้มาก ผู้ใหญ่ต้องเป็นผู้ใหญ่ ผู้น้อยต้องเป็นผู้น้อย ผู้ใหญ่ก็ไม่รู้จักเจ้าของเป็นผู้ใหญ่ มันเป็นการฝึกผู้น้อยให้ไม่รู้จักว่าเจ้าของเป็นผู้น้อย แต่ผู้ใหญ่ไม่ใช่ถือตัวในลักษณะ (เป็นการถือตัวทำเพื่อเป็นข้อปฏิบัติ) ไม่ใช่ทำเพื่อเป็นการถือตัว ทำเพื่อเป็นข้อปฏิบัติ อย่าคุยกันลักษณะเพื่อนคุยกัน ครูบาอาจารย์ที่เป็นครูบาอาจารย์นั้น แม้แต่พรรษาเดียวกัน อ่อนหลังท่านก็ยังทรงอ่อนน้อมต่อกันมาก เพราะท่านเคารพธรรม เราไม่เอาอย่างครู ไม่เอาอย่างอาจารย์แล้วเราจะเอาอย่างใครกัน เอาอย่างความเคยชินมันก็ตามกิเลสของเจ้าของนั้น ท่านเคารพกัน ท่านอ่อนน้อมซึ่งกันและกัน ข้อปฏิบัติท่านที่มีการคล่องตัว พูดกันถึงว่าการพับผ้าสังฆาฏินี่ พูดกันถึงว่าการล้างเท้า เช็ดเท้า ท่านไม่ได้ถือว่าท่านมีลูกศิษย์ลูกหา แล้วท่านไม่ถือว่าเขานับถือเป็นครูเป็นอาจารย์ ว่าทำอย่างนั้นมันไปทำไม่ได้เป็นอย่างงั้น

ลำดับที่ 008 เลขที่เทป 007/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 260205 วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526
การเกี่ยวข้องกับบุคคลทั่ว ๆ ไป ในเมื่อเกี่ยวข้องแล้วเป็นประโยชน์ ก็เกี่ยวข้องกันไป ในเมื่อเกี่ยวข้องแล้วไม่เป็นประโยชน์ มันก็ไม่ต้องสนใจที่จะเกี่ยวข้องนั้น มันก็ไม่มีคำว่าเกี่ยวข้อง แล้วประโยชน์ก็คือว่า สิ่งไหนที่จะเป็นไปเพื่อความรู้เพื่อความเข้าใจ เป็นไปที่จะปลูกศรัทธาความเลื่อมใสให้เกิดให้มีขึ้นในข้อปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนา ก็บอกก็อบรมกันไป หรือสนทนาปราศรัยกันไปชักจูงกันไป ในเมื่อพอที่จะเป็นไปได้ ในเมื่อเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ อันนั้นมันก็เรื่องของเขา การเกี่ยวข้อง ในเมื่อมันเป็นประโยชน์ก็เกี่ยวข้องกันไป ในเมื่อการเกี่ยวข้องไม่เป็นประโยชน์ ถ้าหากไปเกี่ยวข้องแล้วมันไม่ได้ประโยชน์ เราไปเกี่ยวข้อง อันนั้นมันไม่ถูก เกี่ยวข้องแล้วมันไม่ได้ประโยชน์ จะไปเกี่ยวข้องกันทำไม คำว่าประโยชน์นี้ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว เป็นประโยชน์ส่วนรวม เป็นประโยชน์ทั้งเราและเขา ถ้าหากเกี่ยวข้องกันเราก็ไม่ได้ประโยชน์ เขาก็ไม่ได้ประโยชน์ มันไม่ใช่เพียงเท่านั้น มันเสียประโยชน์เสียอีก จึงว่าเลิกการเกี่ยวข้องกันเสียดีกว่า

ลำดับที่ 009 เลขที่เทป 999/24 ชื่อแฟ้มข้อมูล 240419 วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2524
มีใครไปใครมา มาถึงกลางวันเดินทางมา น้ำมีความจำเป็น จะต้องจัดต้องหา เพราะเราอยู่กับวัด อยู่กับที่เป็นเจ้าบ้าน แขกที่มาใหม่ไม่รู้ว่าน้ำอยู่ที่ไหน ตลอดถึงอะไรก็ช่าง สิ่งอื่นเราก็ต้องหา จัดหาต้องดูแลเรื่องปฏิสันถาร พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าต้องให้มีความเอาใจใส่ ถ้าขาดการเอาใจใส่ในเรื่องการปฏิสันถาร ใช้ไม่ได้ การปฏิสันถารก็คือ การต้อนรับการรับรอง อำนวยความสะดวกให้เป็นที่สบายใจแก่แขกที่มาเยี่ยมเยียน

หัวข้อย่อย 08 การบิณฑบาต

ลำดับที่ 001 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
เรื่องการบิณฑบาตก็ดี ในเมื่อมันมากกัน ให้พากันระมัดระวัง ขาดความระมัดระวังก็ถือขาดธรรม ถ้าหากว่าขาดธรรมเมื่อไร กิเลสมันแสดงออกขึ้นมาทันที เดินไปบิณฑบาตกิเลสมันก็แสดง เดินกลับบิณฑบาตกิเลสมันก็แสดง ถึงมันไม่แสดงออกข้างนอก มันก็แสดงอยู่ภายในใจ ต้องระมัดระวัง เพ่งมันตลอดเวลากับฐานของเจ้าของ ทั้งไปทั้งกลับ ๆ ๆ ทุกก้าวขาที่เราเดินไปนี้ เพ่งลงไปในกรรมฐานให้พากันทำอย่างนี้ แล้วผลของการทำอย่างนี้แล้วเป็นยังไง อันนี้ไม่ต้องมีใครบอกแล้ว พากันลองทำดู เดินไปนี้เดินกลับนี้ ให้เพ่งในกรรมฐานของเจ้าของเท่านั้น เพ่งลงไปในผมในขนในเล็บ ในฟันในหนัง มันก็เพ่งสบายขาของเรา ไอ้ที่ ๆ มันเดินไปนี้ ล้วนให้มันเห็นเหมือนกระดูกมันก้าวไป ๆ ๆ ๆ ก้าวไปก้าวกลับนี้ ให้มันเห็นแต่กระดูกเดิน

ลำดับที่ 002 เลขที่เทป 080/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290627 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2529
การรับบาตรรับพกกัน ก็ให้ดูอย่าว่าให้ถึงกับว่าเหน็ดเหนื่อยเจ้าของ เป็นการเบียดเบียนเจ้าของ ผู้ที่จะให้บางองค์บางท่านรับบาตรก็ต้องดู เพราะมันไกล เพราะเราสามารถที่จะสายมาเองไปเองได้อย่างสะดวก เราก็สะพายเอาเอง ถ้าหากว่าบางท่านคล้าย ๆ กับว่าด้วย ท่านมีน้ำจิตน้ำใจแล้วเราก็ดูว่าท่านนั้น จะไม่เป็นไปเพื่อความลำบากมากเกินไป เราจะให้ท่านสะพายไปสะพายกลับให้ได้

ลำดับที่ 003 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250403 วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2525
ในสมัยก่อนกับสมัยนี้ เมื่อเทียบกันแล้วมันต่างกันมาก ผมจึงพอใจดีใจที่ผู้ใดถือความสันโดษมักน้อย ทำยังไงเจ้าของจึงจะเป็นผู้มักน้อย พอใจในการเรื่องปากเรื่องท้องนี้ให้มันน้อยลงไป ช้าง ถ้าหากว่ามันรับประทานอาหารอิ่ม ทรมานไม่ได้ เอามาฝีกให้ควรแก่การแก่งานไม่ได้ เขาจะต้องให้อดอาหาร ไม่ให้อาหาร แล้วก็ฝึกเวลามันผอม ฝึกเวลามันอดมันหิวอาหารนั้น นี่หลักวิชาของนายควานช้างที่เขาฝึกช้างให้ควรแก่การแก่งาน แต่สรุปแล้วพระพุทธเจ้าท่านก็สอนไว้ โภชเนมะตันยุตา ให้รู้จักความพอดีในการบริโภค ทำความพอดีนั้น ให้สังเกตดูการภาวนาของเรา เราภาวนาดีด้วยการบริโภคอาหารขนาดไหน เราก็ถือขนาดนั้นหละ เป็นความพอดีของธาตุขันธ์ของเรา

ลำดับที่ 004 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
เวลารับบิณฑบาตให้ระวัง ถ้าหากว่าไม่ระวังละ มันจะไปรับเอาหลายอย่าง มันไม่ใช่รับแต่ข้าว ท่านให้สำรวมลงในบาตร ตามองเฉพาะในบาตรเท่านั้น อย่าไปมองอันนั้นอันนี้ มันเกิดโทษ คำว่าโทษไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าว่า ตรัสเป็นโทษ แล้วโทษจึงเกิดเป็นโทษ โดยธรรมชาติคนไปเหยียบหนามไม่ต้องมีใครว่า หนามจะตำตีนเจ็บ ไม่ต้องมีใครพูดหากมันเจ็บ จึงให้ระมัดระวังมีสติ ทั้งไปทั้งกลับรับบิณฑบาตทั้งกลับ ปรารถนาจิตปรารถนาใจของเราอยู่ด้วยความสงบ ถึงจะพิจารณาอรรถธรรมพิจารณาไปได้ เกิดความรู้ความเห็นอะไรต่อมิอะไร ระหว่างบิณฑบาตไประหว่างกลับ จากบิณฑบาตได้ความรู้ และความเข้าใจสิ่งที่เราไม่เคยคิดมัน บางทีก็เอา มันก็เอามาคิดสิ่งที่เราไม่เคยรู้นี้ เราก็รู้ขึ้นมาได้ ถ้าหากว่าใจของเรามีการปรารภธรรมะอยู่ หรือปรารภความสงบอยู่

ลำดับที่ 005 เลขที่เทป 999/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290808 วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2529
บิณฑบาตก็ให้มีสติ กลับก็ให้มีสติอย่าเดินเหมือนกับคนเขาไปหาปลา อย่าเดินเหมือนกับคนเขาไปหาหน่อไม้หาเห็ดกัน เสียงสนั่นหวั่นไหวคับป่าคับดวง คับถนนหนทาง มีแต่เสียงคุยสนทนากัน เราไปบิณฑบาตอย่าให้เป็นอย่างนั้น ต่างคนต่างเดินไปด้วยความสงบ เดินไปด้วยข้อปฏิบัติธรรมทั้งไปทั้งกลับ เรียกว่า ไปบิณฑบาตกับเทวดาอนุโมทนา ในการไปบิณฑบาตของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นข้อปฏิบัติตั้งอกตั้งใจ

ลำดับที่ 006 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
การบิณฑบาตถึงจะไปหลายองค์ด้วยกัน รวมกันไป อย่าเดินพยายามแซงหน้าแซงหลัง ถ้าหากว่าใครจะแซงก็รีบแซงไปเสีย ไม่ใช่ไปเดินแซงในลักษณะทำท่าจะเคียงคู่อย่างนั้นไม่เอา ทำความสงบในการเดินไปบิณฑบาต ทั้งไปทั้งกลับ

ลำดับที่ 007 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250720 วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
การกิน พระพุทธเจ้าท่านก็สอน ไม่ให้กินจนอิ่มจนเกินไป กินให้อิ่มพอดีพองาม ประมาณว่าอีกสักสองสามคำก็จะอิ่มให้เลิกเสีย ท่านสอนว่าอย่างนี้ ถ้าหากว่ากินจนอิ่มตื้อ ถ้าดื่มน้ำหละมันอิ่มเกินไป ประมาณอีกซักสองสามคำให้เลิก ถึงจะเอร็ดอร่อยซักเท่าไหร่ก็ช่าง เป็นการยับยั้งใจของเรา ห้ามใจของเรา ไม่ให้ตกไปในกระแสของความอยาก กินเพื่อคล้าย ๆ กับว่า เยียวยาธาตุขันธ์ รักษาอัตภาพร่างกายให้ทรงอยู่ได้ เพราะร่างกายของเรานี้ เป็นร่างกายขึ้นมา ก็ต้องอาศัยอาหาร และจะทรงอยู่ได้ก็ต้อง อาศัยอาหาร จึงว่าเราบริโภค เรากินอาหารก็เพียงเพื่อเยียวยาร่างกายเท่านั้น ไม่กินด้วยอำนาจของ ความอยาก กินด้วยอำนาจของความอยากแล้ว มันชอบทำให้แน่นเฟ้อ มันชอบทำให้ท้องเสียกันบ่อย ๆ ท้องขึ้น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อะไรเหล่านี้ เนื่องจากกินไม่เป็นทั้งนั้น

ลำดับที่ 008 เลขที่เทป 999/25 ชื่อแฟ้มข้อมูล 250709 วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2525
ถ้าหากว่ามุ่งในการภาวนา ฉันน้อย ๆ ดี ถ้าหากว่าฉันมาก ๆ หละ มันต้องนอน ถ้าหากว่าฉันน้อย ๆ หละ หลังจากฉันไปเดินจงกรม นั่งสมาธิได้อย่างสบาย ก่อนที่จะฉันก่อนที่จะบริโภค ก็พิจารณามามาก ๆ ให้เห็นเป็นของปฏิกูล ให้เห็นเป็นธาตุ ให้เห็นเป็นของทิ้ง เห็นเป็นปฏิกูล เห็นเป็นธาตุ เห็นเป็นของทิ้ง แล้วจึงค่อยบริโภคแล้วจึงฉัน หลังจากฉันแล้วก็ไปเดินจงกรม นั่งสมาธิใจสงบดี เอาอุบายที่ได้จากการพิจารณาก่อนฉันนั้นมาพิจารณาต่อใจของเรา ให้เข้าถึงความสงบ

ลำดับที่ 009 เลขที่เทป 140/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290923 วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2529
พิจารณาให้มันเห็นความอยากเสีย หายความหิวเสียค่อยบริโภคขบฉัน เห็นเป็นของปฏิกูล เห็นเป็นของปฏิกูลไปจริง เราทั้งคนก็เป็นของปฏิกูล ในเมื่อเราทั้งคนเป็นของปฏิกูล คำว่าเรามันก็ไม่มี เห็นเป็นมูตรเป็นคูตร เห็นเป็นของสกปรก พิจารณาไปในในนี้ ลักษณะนี้เรียกว่า พิจารณาเป็นธรรมทุกทาง มันแก้ความยากมันลดความอยาก มันทำลายความอยาก ความอยากไม่มี ฉันก็ได้ไม่ฉันก็ได้ ที่ว่าทำใจให้แยบคายเสียก่อน จึงค่อยบริโภคขับฉัน สังเกตดูให้ดี ถ้าวันไหนพิจารณาก่อนฉันแยบคายดี ดีสบายใจตลอดทั้งวัน ไปเดินจงกรม ระลึกถึงที่พิจารณาอาหารแยบคายดังนั้น นั่งสมาธิก็ระลึกนึกที่เราพิจารณาอาหารแยบคายเหล่านั้น ใจมันก็แยบคายลงไป แยบคายลงไป มันเป็นการทำลายกิเลสทั้งนั้น กิเลสมันอ่อนตัวลงไป ใจของเราก็มีโอกาสสงบลงได้ ถ้ากิเลสมันยังแข็งตัวเต็มที่ มันไม่ยอมอ่อนตัวลงแม้แต่น้อย มันไม่สงบดอก เพราะกำลังมันมาก น้อมมันเขจ้ามามันก็ไม่น้อมเข้ามา มันก็ไป ถ้าหากมาแบบที่มันไม่เช้ามานี้ แล้วมันจะสงบได้ยังไง ถ้ามันแยบคายลงไปด้วยการพิจารณาแล้ว่า น้อมเข้ามาแล้ว มันหากใส มันหากเย็นขึ้นมา ขึ้นทันทีในจิตในใจ

ลำดับที่ 010 เลขที่เทป 118/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290823 วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2529
การขบการฉัน ขบฉันอย่างพระ พิจารณาให้แยบคายเสียก่อนจึงค่อยขบค่อยฉัน คำว่าแยบคายคือย่างไร เห็นชัดลงไปว่า เป็นของปฏิกูล เห็นชัดลงไปว่าเป็นของทิ้ง เห็นชัดลงไปว่าเป็นดิน เห็นชัดลงไปว่าเป็นธาตุนี้ ร่างกายของเราเนื่องด้วยธาตุ ร่างกายของเราเนื่องด้วยดิน ร่างกายของเราเนื่องด้วยของปฏิกูล ที่เราบริโภคขบฉันเข้าไปทุกวันทุกวันนี้ นี่ในลักษณะนี้เรียกว่า อย่างพระฉันนี้ หรือว่ากินอย่างพระฉัน

ลำดับที่ 011 เลขที่เทป 169/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 291211 วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2529
ฉันแล้วเบาไม่หนัก ฉันแล้วไม่ง่วง ไม่ง่วงไม่อยากหลับอยากนอน นั่นหละพอดี อยากไปเดินจงกรมก็สบาย อยากนั่งสมาธิก็สบาย ทำอะไรมันสบายไปหมด ความพอดีมันมาตั้งแต่การบริโภค การขบการฉัน อันนี้ให้รู้จักเอา “โภชเนมัชตัณญุตา” รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร ให้รู้จักประมาณให้พอดี ฉันแล้วภาวนาดี พิจารณาแล้วมันก็ได้อุบายแยบคายดี ก่อนนั้นพิจารณาให้แยบคาย ให้เห็นเป็นของปฏิกูลลงไป พิจารณาเห็นความเป็นจริงของเขา ก็คือ ความปฏิกูลนั่นเอง ปฏิกูลทั้งกลิ่นปฏิกูลทั้งรส แม้แต่สัมผัสมันก็ปฏิกูล เค้าเป็นปฏิกูลโดยธรรมชาติ พิจารณากันให้มันเห็นความจริงของเขาชัดขึ้นในใจ โยนิโส พิจารณาให้แยบคาย ให้แยบคายแล้วพอดี การกินพอดี เพราะไม่ได้กินด้วยความอยาก กินเพื่อเป็นการเยียวยา หล่อเลี้ยงอัตภาพให้ทรงอยู่ ไม่ได้กินเพื่อความอยาก

ลำดับที่ 012 เลขที่เทป 012/29 ชื่อแฟ้มข้อมูล 290116 วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2529
พูดถึงการขบการฉัน เราก็จะพยายามให้มีสติในการขบการฉัน เวลาเคี้ยวให้มีสติเคี้ยว เวลากลืนให้มีสติกลืน กลืนลงไปถึงไหนให้เห็น เข้าใส่ปากก็ให้มีสติ เคี้ยวก็ให้มีสติ กลืนก็ให้มีสติ กลืนไปถึงไหนลงไปถึงไหน ก็ให้มีสติรู้เห็นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเอาเป็นการภาวนาทั้งนั้น เราทำอะไรเราตั้งใจไว้ด้วย เราจะไม่ฉันให้อิ่ม การฉันอิ่มอย่าว่าดีนะ ใกล้จะอิ่มรีบอิ่มซะ พอใกล้จะอิ่ม รีบอิ่ม ในวิสุทธิมรรค ท่านกล่าวว่า สักสามถึงสี่คำใกล้จะอิ่ม อิ่มเสีย แล้วดื่มน้ำพอดี เบาเนื้อเบาตัวไม่หนัก ไม่ท้องขึ้นท้องอืด หลังจากฉันแล้วไปเดินจงกรม นั่งสมาธิสบาย ถ้าหากว่าฉันอิ่มไป เดินจงกรมก็ลำบาก ไปนั่งสมาธิก็นั่งไม่ได้ บางทีนอนก็นอนลำบาก แล้วชอบเป็นโรคท้องเสียด้วย ตั้งใจว่าเราจะไม่ฉันให้อิ่ม ฉันให้พอดี พอใกล้จะอิ่มหละ เซาเสียพักเลิก เพราะเราฉันเอาไปภาวนา ฉันให้ร่างกายอันนี้มีกำลัง แล้วเอาร่างกายอันนี้ไปภาวนา ไม่ใช่ฉันให้ร่างกายอันนี้มันมัวเมา ฉันอิ่มมันมัวเมา ฉันพอดีนั่นหละ

ลำดับที่ 013 เลขที่เทป 011/26 ชื่อแฟ้มข้อมูล 261220 วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2526
จึงว่าเรื่องการขบการฉันมีความสำคัญ ให้อด ๆ อยาก ๆ ให้หิวบ้างอิ่มบ้างนี่ อันนี้ดีมาก ถ้าหากว่ามีแต่อิ่ม ถ้าอิ่มมันก็มีแต่มืดมนอนธกาล มีแต่มืดมนอนธกาลทั้งนั้นหละ แล้วทีนี้มันก็ทำให้มีความเมา ชาคริยานุโยค มุ่งในการประกอบความพากความเพียรยกจิตยกใจไม่ขึ้น นั่งภาวนา บางทียังไม่ทันได้ชั่วโมง ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น มันก็เสียงกรนให้กันฟังแล้วแหนะ เพราะอะไร นี่ ก็เพราะความเมานั่นเอง เมาในการที่ไม่รู้จักความพอดี เมาในความไม่รู้จักความประมาณ เรื่องเหล่านี้ควรจะพากันรับทราบ เรื่องเหล่านี้ควรจะพากันเข้าใจนี่

ลำดับที่ 014 เลขที่เทป 999/28 ชื่อแฟ้มข้อมูล 280830 วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2528
เวลากิน กิเลสเค้าก็แซงหน้าพั้บทันที แซงมาแต่ก่อนกินพุ่น แซงมาแต่ก่อนกินคือยังไง อันนั้นมันดี อันนั้นมันไม่ดี อันนั้นมันอร่อย อันนั้นมันไม่อร่อย อันนั้นมันหวาน อันนั้นมันเค็ม อันนั้นมันเผ็ด อันนั้นมันอะไรต่อมิอะไร ๆ ในเมื่อกิเลสเค้าบอกอันนั้นไม่อร่อยก็ไม่เอา ไม่หยิบ อันไหนอร่อยอันนั้นเอา แล้วก็หยิบมาก ๆ เสียด้วย นี่มันแซงมาแต่กิน ธรรมะของพระพุทธเจ้ามัชฌิมา ไม่ให้เลือกไม่ให้คุ้ย ฉันอาหารให้ฉันแต่ข้างบนลงไป ปราณีตละเอียดรึว่าไม่ประณีตหยาบยังไง ไม่ให้เลือก จะประณีตละเอียดมีค่ามากมายซักเท่าไรก็ช่าง จะประณีตละเอียดมีค่ามากมายซักเท่าไรก็ช่าง ก็คือของปฏิกูลนั่นเอง ในเมื่อเข้าไปถึงปาก สภาพความละเอียดสภาพความประณีตมีค่ามากมายหมดไปทันที จะเอร็ดอร่อยมากมายซักเท่าไรก็ช่าง กินแล้วเป็นอุจจาระทั้งนั้น จึงว่ากิเลสมันแซงมาแต่กิน มันแซงหน้าทุกขณะทีเดียวว่างั้นเถอะทุกอย่าง